ไทย-จีนเล็งขยายการค้าปีหน้าเป็น5หมื่นล้านเหรียญ

ไทย-จีนเล็งขยายการค้าปีหน้าเป็น5หมื่นล้านเหรียญ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนาธุรกิจไทย-จีน หรือ Thai- Chinese Business Forum 2009 ที่มีนักธุรกิจจีนกว่า 300 คน จากสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลกเข้าร่วม วันที่ 27 กรกฎาคม ว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีน มีมาช้านาน และปัจจุบันจีน ได้เข้ามาลงทุนในไทย 277 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 36,000 ล้านบาท ในหลายอุตสาหกรรม ภายใต้วิกฤติการเงินโลกในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อไทย ขณะที่จีนได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย

รัฐบาลไทยจึงเร่งฟื้นฟูการค้าระหว่างสองประเทศ ให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง โดยวิกฤติเศรษฐกิจที่ลุกลามทั่วโลก ทำให้นักธุรกิจไม่มั่นใจและพยายามลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้อยู่รอด รัฐบาลไทย ก็ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรักษาสถานภาพเศรษฐกิจไทยให้รอดพ้นวิกฤติ ล่าสุด ออกแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง ปี 2553-2555 มูลค่า 1.43 ล้านล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่าไทยจะฟื้นตัวรวดเร็วและมีคุณภาพ และมีโอกาสปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา พร้อมกันนี้ ยังจะพัฒนาการค้า การลงทุนกับมิตรประเทศและการที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ได้เร่งประสานสัมพันธุ์ให้สมาชิกเป็นปึกแผ่น และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาค

นายกว่าง มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า นับจากการสถาปนาทางการทูตไทย-จีน การค้าระหว่างกันพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโลกาภิวัตน์ และเอฟทเออาเซียน-จีน ทั้งนี้ ในส่วนของจีน เป็นประเทศที่เริ่มมีสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยไตรมาส 2 ปีนี้ เติบโตร้อยละ 7.9 จึงมั่นใจว่า จีดีพี ปีนี้ จะเติบโตร้อยละ 8 ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน สำหรับการสัมมนาวันนี้ จะเป็นประโยชน์ที่ทั้ง 2 ประเทศ จะได้พัฒนาการค้าระหว่างกัน นักธุรกิจจีน จะได้เข้าใจนโยบายเศรษฐกิจของไทย

ด้านนายหลู จวิ้น ชิง ประธานสมาคมนักธุรกิจยอดเยี่ยมเชื้อสายจีนทั่วโลก กล่าวว่า ไทยจีนเหมือนเป็นญาติมิตร การค้าไทย-จีน มีเป้าหมายขยายการค้าระหว่างกัน เพิ่มเป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่การลงทุนเพิ่มเป็น 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและมีนักท่องเที่ยวระหว่างกัน 4 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2553 โดยเมื่อปี 2518 มูลค่าการค้าไทย-จีน มีเพียง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และเพิ่มเป็น 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นถึง 144 เท่า โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย และเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 2 ของไทยขณะที่จีนนำเข้าสินค้าจากไทยเช่นกัน

นายหลู ได้เสนอแนะว่า 1.ในฐานะที่ไทยเป็นเมืองพุทธ คนไทยควรหลีกเลี่ยงการปะทะกัน หาวิธีที่เป็นทางออกที่ดีกว่า 2. ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ แสดงให้เห็นถึงสังคมที่วิกฤติพอสมควร แต่คนไทยยังอยู่อย่างสบายใจ ซึ่งเป็นจุดเด่นของไทย 3. การประชุมครั้งนี้ สมาคมไม่เลื่อนออกไป แม้มีการระบาดของไข้หวัด 2009 เพราะถือเป็นเกียรติ และยังให้คำมั่นว่า จะนำคู่สมรสจีน 10,000 คู่ มาจัดงานแต่งงานในไทย แม้จะเลื่อนจาก 31 ก.ค.นี้ ก็ตาม

นางอรรชกา สีบุญเรือง ปริมเบิล เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวว่า นักธุรกิจจีนที่เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้กว่า 200 คน มีโครงการลงทุนในมืออยู่แล้ว เชื่อว่า การจับคู่ธุรกิจวันนี้ จะเป็นโอกาสให้เกิดการค้า การลงทุนระหว่างกัน และยอดการขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก บีโอไอ จะเพิ่มขึ้นด้วย จากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยมียอดขอรับส่งเสริมการลงทุน ปีละ 5,000 ล้านบาท เชื่อว่า ผลจากการสัมมนาวันนี้ จะทำให้ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน ภายใน 1-2 ปีนี้ จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 20,000 ล้านบาทต่อปี โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ บีโอไอ ต้องการให้จีน เข้ามาลงทุนในไทย คือ อุตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากมีการนำเข้าวัตถุดิบจากไทยค่อนข้างมาก

นอกจากนั้น ยังเป็นอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรไทย และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งขณะนี้จีนมียอดผลิตแซงหน้าสหรัฐไปแล้ว โดยขณะนี้ มีโอกาสที่จีนอาจเข้ามาลงทุนตั้งฐานผลิตรถบรรทุก หรือรถยนต์ประเภทที่ไทยยังไม่มีการผลิต ขณะเดียวกัน ไทย ก็มีโอกาสที่จะผลิตชิ้นส่วนป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในจีนด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook