เตรียมจับเพิ่ม3ผู้ต้องสงสัยยิงสนธิ เป็นสัญญาบัตร-ชั้นประทวนรบพิเศษ มาร์คพูดเป็นนัยมีเด้งผบ.ตร.

เตรียมจับเพิ่ม3ผู้ต้องสงสัยยิงสนธิ เป็นสัญญาบัตร-ชั้นประทวนรบพิเศษ มาร์คพูดเป็นนัยมีเด้งผบ.ตร.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เตรียมออกหมายจับเพิ่ม3ผู้ต้องสงสัยยิงสนธิ ชี้เป็นทหารรบพิเศษสัญญาบัตร1-ประทวน2 อภิสิทธิ์พูดเป็นนัยเด้งพัชรวาทสัปดาห์นี้ สุเทพปัดขัดแย้งมาร์คเรื่องปลดผบตร. ด้านเสด็จพี่ยื่นกกต.สอบนายกฯแทรกแซงคดี แต่หมอท็อปโต้แค่กำกับดูแลตามหน้าที่ เล็งออกหมายจับอีก3ทีมยิงสนธิ

ทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมเสนอขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาอีก 3 คน เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร 1 นาย และชั้นประทวน 2 นาย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 คน คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.)

ทั้งนี้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะทีมสืบสวนคลี่คลายคดีลอบสังหาร นายสนธิ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ว่า ภายในสัปดาห์นี้ พนักงานสอบสวนเตรียมเสนอศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอย่างน้อย 3 คน ภายหลังพบหลักฐานใหม่ โดยทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับคดีในระดับปฏิบัติการ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นพลเรือนหรือคนมีสี ซึ่งความคืบหน้าของคดีนี้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.หัวหน้าชุด จะเป็นผู้รายงานต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ร.ต.1-ประทวน2สังกัดรบพิเศษ

พล.ต.ท.อัศวินยังกล่าวถึงการเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รายงานให้นายกฯทราบว่า คดียังไม่ถึงทางตัน สามารถขยายผลต่อไปได้ ส่วนจะสามารถสาวถึงตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน

กระแสข่าวการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน ยืนยันว่าคดีนี้ไม่เจอตอ มั่นใจว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.หัวหน้าชุด สามารถคลี่คลายคดีและสามารถจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ภายในเวลา 2 เดือน 4 วันก่อนเกษียณอายุราชการอย่างแน่นอน พล.ต.ท.อัศวินกล่าว และว่า วันเดียวกันนี้ (27 กรกฎาคม) จะเรียกประชุมชุดสืบสวนกำลังติดตามจับกุม จ.ส.อ.ปัญญา และ ส.ต.ท.วรวุฒิ ที่ขณะนี้มีเบาะแสและเฝ้าจุดที่ต้องสงสัยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาที่จะถูกออกหมายจับเพิ่มมีทหารรวมอยู่ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวินไม่ตอบคำถามแต่พยักหน้าแทน ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้ต้องหาที่จะขอออกหมายจับ เป็นทหารสังกัด นสศ. ประกอบด้วย นายทหารยศ ร.ต.ชื่อ ว. และทหารชั้นประทวน 2 นาย

มาร์คพูดเป็นนัยเด้ง ผบ.ตร.

ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ภายในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ จะคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เกี่ยวกับคดีนี้ และคงจะมีข้อยุติ ต้องดูว่าสิ่งที่จะทำมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน ระบุว่าจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาอีกอย่างน้อย 3 คนนั้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า คดียังเดินต่อได้ในอีกระดับหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น หมายความว่า ตอ ที่ พล.ต.อ.ธานีระบุได้ถูกกำจัดไปแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้สรุปถึงขั้นนั้น แต่สิ่งที่มีอยู่ทำให้สามารถเดินหน้าต่อได้ในอีกระดับหนึ่ง ผมกำลังประมวลอุปสรรคเพื่อแก้ไขต่อไป ขณะนี้ในส่วนของผมชัดเจนขึ้นแล้ว หาข้อมูลได้แล้ว เมื่อถามว่า ได้ตัดสินใจหรือยัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไว้คุยกับนายสุเทพ แล้วเดี๋ยวคงจะเรียบร้อย เมื่อถามย้ำว่า นายสุเทพยังออกมายืนยันว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่มีปัญหา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมอ่านข่าวว่าท่านบอกว่าอยู่ที่ผม

เมื่อถามต่อว่า มีโอกาสที่นายกฯ จะลงนามในคำสั่งย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท มาประจำสำนักนายกฯเลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะคุยกับนายสุเทพ และดูประเด็นต่างๆ ให้ครบถ้วน หากจะดำเนินการอะไรจะอธิบายให้ทราบ แต่เป้าหมายคือ เพื่อให้คดีนี้เดินได้ เมื่อถามว่า จะตัดสินใจภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า สัปดาห์นี้ครับ

สุเทพลั่นไม่คุ้มอุ้มพัชรวาท

ด้านนายสุเทพยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวว่ามีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท ว่า เป็นข่าวลือ ผมจะไปขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรีทำไม ผมทำงานกับนายกฯมาเป็น 10 กว่าปี และในชีวิตเพิ่งเจอกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ประมาณ 5-6 เดือน จึงงไม่มีอะไรคุ้มค่าที่ต้องไปขัดแย้งกัน เพราะว่าการทำงานเมื่อนายกฯมีบัญชาให้ทำอะไร ก็ต้องทำตามอย่างนั้น แต่ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง กฎหมาย และการบริหารประเทศจะไปบริหารตามกระแสเรียกร้องไม่ได้ นายกฯมีเหตุผลและไม่ได้ทำตามอารมณ์ใครง่ายๆ

นายสุเทพกล่าวว่า วันที่ พล.ต.อ.ธานี มารายงานความคืบหน้าของคดี ได้สอบถามว่า นอกจาก 2 คนที่ออกหมายจับไปแล้ว ที่เหลือจะทำอย่างไร พล.ต.อ.ธานีบอกว่า รอให้หลักฐานสมบูรณ์แล้วจะออกหมายจับต่อ เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีคนพยายามเก็บหลักฐานไว้ เพื่อไม่ให้มีความคืบหน้า นายสุเทพกล่าวว่า ท่านไม่ได้บอกกับผมอย่างนั้น ท่านบอกแต่ว่ามีเจ้าหน้าที่ของท่านถูกข่มขู่ แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ถูกข่มขู่ชื่ออะไร และผู้ข่มขู่เป็นใคร เท่าที่ทุกฝ่ายรายงาน โดยรวมคิดว่าทำงานต่อไปได้ เวลาที่คุยกับที่อื่นเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่รายงานกับผมเป็นเช่นนี้

ยันไม่ได้เลือกคนละข้างกับนายกฯ

เมื่อถามว่า มีบางฝ่ายมองว่านายกรัฐมนตรีเลือกข้างพันธมิตร ส่วนนายสุเทพเลือกข้างอำนาจใหม่ ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างสีเขียวกับสีน้ำเงิน นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปจัดแบ่งฝ่ายกัน ตนกับนายกฯเดินมาทางเดียวกัน อยู่ๆ มาจัดให้อยู่คนละมุมกันอย่างนี้ก็แย่

ผมไม่ได้ทำอะไรที่ลับ ลวง พราง หากจะย้อนดูประวัติศาสตร์แล้วจะพบว่า ผมได้ช่วยทำงานให้กับนายกฯ สั่งอะไรมาผมก็ทำ เพราะเห็นว่านายอภิสิทธิ์ เป็นบุคคลเดียวที่เหมาะสมที่จะมาบริหารบ้านเมืองในขณะนี้ คนไทยส่วนใหญ่ก็รู้สึกอย่างนั้น ดังนั้นจึงมีหน้าที่เป็นกำลังใจให้นายกฯ ทำงานเพื่อให้แก้ปัญหาได้ ผมเป็นกำลังใจให้กับนายกฯ อยู่ๆ จะมาแยกออกจากกัน นายกฯก็ลำบาก รองนายกรัฐมนตรีกล่าว

ผบ.สส.พร้อมให้ความร่วมมือตร.

ด้านพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีสังคมอาจมองว่า กองทัพปกป้อง จ.ส.อ.ปัญญา ที่ไม่ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดี ว่า คิดกันไปเอง เพราะปกติมีขั้นตอนการดำเนินการ หากพนักงานสอบสวนสงสัย หรือต้องการข้อมูล หรือต้องการเชิญใครไปสอบสวน กองทัพก็จะส่งคนไป เพราะทุกอย่างมีกติกาหมด กองทัพให้ความร่วมมืออยู่แล้ว

พท.ยื่นสอบนายกฯแทรกแซง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมฝ่ายกฎหมายของพรรค ได้เข้ายื่นหนังสือให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีความเป็นรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) เนื่องจากกระทำการต้องห้ามตามมาตรา 266 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญ โดยนายอภิสิทธิ์ ได้แทรกแซงการดำเนินคดีลอบสังหารนายสนธิ โดยเรียก พล.ต.อ.ธานี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวมาพบบ่อยครั้ง แทนที่ พล.ต.อ.ธานี ควรจะหารือกับ ผบ.ตร. โดยตรง อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ได้แถลงผ่านรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ว่า รู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบยิงนายสนธิแล้ว ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ไม่มีหน้าที่แถลงเกี่ยวกับเนื้อหาในคดี เพราะจะกดดันผู้ปฏิบัติงาน และทำให้รูปคดีเสียหาย นอกจากนี้การที่ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 บก.รน.หนึ่งในทีมพนักงานสอบสวนไปปฏิบัติหน้าที่ในต้นสังคมเดิมที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่นายอภิสิทธิ์ ได้มีคำสั่งให้นายตำรวจคนดังกล่าวกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีก

โฆษกปชป.สวนแค่กำกับดูแล

ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงตอบโต้ทันทีว่า นายกฯไม่ได้มีพฤติกรรมแทรกแซงการทำงานของตำรวจ โดยนายกฯมีหน้าที่ดูแลทุกหน่วยงานให้ใช้กฎหมายให้เคร่งครัด เพื่อให้ทุกคดีเดินหน้าไปได้ด้วยดี ไม่ให้ใครมาขัดขวางการตรวจสอบได้

ไม่เหมือนกับที่ พท.พยายามแทรกแซงการตรวจสอบการบริจาคเงิน 258 ล้านบาทให้ ปชป. โดยพยายามให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หยิบยกมาเป็นคดีพิเศษแต่ทำไม่สำเร็จ ซึ่ง ปชป.มั่นใจในความเป็นอิสระของ กกต.ในการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook