สมิติเวชศรีนครินทร์เท200ล. เพิ่มศักยภาพบริการครบวงจร

สมิติเวชศรีนครินทร์เท200ล. เพิ่มศักยภาพบริการครบวงจร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สมิติเวชศรีนครินทร์ ขยายไลน์เพิ่มจุดแข็ง เปิดมิติใหม่แห่งการดูแลผู้ป่วยครบวงจร ทุ่มงบ 200 ล้านบาท พัฒนาบริการทางการแพทย์เฉพาะทางครบทุกแขนง หลังจากวางตัวเป็นผู้ชำนาญเรื่องโรคเด็ก วาดเป้าขึ้นแท่นศูนย์ดูแลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินของกรุงเทพฯ พร้อมเปิดศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูชั้นนำของเอเชีย

นายแพทย์ดุลย์ ดำรงศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์มีแผนก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลแบบตติยภูมิ (Tertiary-care Hospital) ที่เน้นความพร้อมทางด้านแพทย์เฉพาะทางครบทุกสาขา ดังนั้นล่าสุดทางโรงพยาบาลได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ในการเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยทุกโรครวมถึงโรคที่มีความซับซ้อนมาก พร้อมเปิดศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของไทยเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการเวชศาสตร์ฟื้นฟูชั้นนำของเอเชีย

ที่ผ่านมา สมิติเวชศรีนครินทร์มีศักยภาพสูงอยู่แล้วในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ความชำนาญ อุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ บุคลากร และทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้ถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกของไทย รวมถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เราพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการแพทย์เฉพาะทางที่ครบทุกสาขา จะทำให้เราสามารถให้บริการแก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ในการเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลจะมีการจัดซื้ออุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์มากขึ้น อาทิ เครื่อง CT Scan และ MRI รุ่นใหม่เพื่อการตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น กล้องจุลทรรศน์ สำหรับการผ่าตัดทางระบบประสาทและสมองรวมไปถึงเส้นเลือดขนาดเล็ก การติดตั้งระบบ PACs (Picture Archiving and Communication System) เพื่อเชื่อมโยงและส่งต่อข้อมูลการเอกซเรย์ระหว่างโรงพยาบาล ในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพ X-Ray ทั่วไป อกจากนี้ ยังได้เปิดหน่วยรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยการใส่สายสวน (Cath Lab) ซึ่งพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากการมุ่งเน้นงานทางด้านการวิจัยและรักษาโรคแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูผู้ป่วย โดยได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาทเพื่อเปิดศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของไทย เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยที่พ้นภาวะวิกฤติสามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ให้สามารถกลับมาทำงานได้ดีหรือใกล้เคียงความสามารถเดิมให้ได้ดี โดยได้เพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น สระธาราบำบัด สระน้ำปรับอุณหภูมิ ลู่ฝึกเดินที่แบ่งเป็นสัดส่วนชาย-หญิง เป็นต้น ทั้งยังได้ลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจวิเคราะห์สภาพของกล้ามเนื้อและระบบประสาทเพื่อช่วยให้นักเวชศาสตร์ฟื้นฟูสามารถจัดโปรแกรมกายภาพบำบัดให้เหมาะสมแก่ผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย

อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับผู้ป่วยจากต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการ ทางโรงพยาบาลได้เปิดหอผู้ป่วยใหม่ที่ชั้น 14 ซึ่งจะให้ความสะดวกสูงสุดแก่ผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างประเทศด้วย

การเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยในครั้งนี้ ทำให้โรงพยาบาลที่สามารถรักษาโรคเฉพาะทางได้ทุกแขนงโดยใช้ความรู้ความชำนาญและเทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว สิ่งสำคัญคือการที่เราสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุข และมีความหวังในชีวิตมากขึ้น นายแพทย์ดุลกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook