แดงประกาศคนลงชื่อถวายฎีกาช่วยแม้วทะลุ4ล้านราย วีระโยงเรื่องทักษิณเข้ากับกรณีพระพิมลธรรม

แดงประกาศคนลงชื่อถวายฎีกาช่วยแม้วทะลุ4ล้านราย วีระโยงเรื่องทักษิณเข้ากับกรณีพระพิมลธรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เสื้อแดงประกาศยอดคนลงชื่อถวายฎีกาเกิน4ล้านคนแล้ว วีระเชื่อมโยงกรณีช่วยทักษิณเทียบกับกรณีพระพิมลธรรมสมัยสฤษดิ์ ทนายความแม้วอ้างตำราเซียนกฎหมาย ยันถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษสามารถทำได้ ทนายแม้วชูเซียนกม.ยันสามารถถวายฎีกาได้

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม นายพิชิต ชื่นบาน อดีตทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ออกแถลงการณ์โต้แย้งกรณีที่นายกรัฐมนตรี นักการเมือง นักวิชาการ นักกฎหมาย ระบุว่าการลงชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาของประชาชน เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่สามารถทำได้ โดยอ้างอิงจากความเห็นทางกฎหมายของบุคคลหลายฝ่ายที่ทรงคุณวุฒิ เช่นความเห็นของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการครม. ในสารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก หน้า 264 ว่า รัฐธรรมนูญทุกฉบับกำหนดว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นโทษประเภทใด ขอบเขตพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษจึงมีความหมายกว้าง โดยรวมทั้งโทษอาญาและโทษทางวินัยหรือทัณฑ์ตามกฎหมายอื่นด้วย พระมหากษัตริย์จึงอาจใช้พระราชอำนาจพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ เปลี่ยนโทษ แก้ผู้ถูกลงโทษทางวินัยหรือทัณฑ์อื่นได้ นอกจากนี้ยังนำความเห็นของนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ กรณีข้อสงสัยการขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องเป็นผู้ต้องโทษถูกนำตัวไปอยู่ในเรือนจำเสียก่อนแล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ ซึ่งนายวิษณุระบุว่า แม้เป็นกรณีโทษจำคุกรอลงอาญาก็สามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้

นายพิชิตยังหยิบยก มาตรา 259 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาโต้แย้งว่า ผู้ยื่นฎีกาจะยื่นผ่านกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ก็ได้ กฎหมายไม่ได้บังคับ ดังนั้น ประชาชนจึงสามารถยื่นทูลเกล้าฯถวายโดยตรงที่สำนักราชเลขาธิการได้ นอกจากนี้ยังระบุถึงผู้ที่มีสิทธิยื่นถวายฎีกาตามมาตราดังกล่าวว่า ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษ หรือ ผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง มิได้ระบุว่าต้องเป็นบุพการี ผู้สืบสันดาน สามี หรือภรรยา ฉะนั้นประชาชนน่าจะยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาได้ เช่น กรณีวิกฤตตุลาการ ช่วงปี 2534-2535 ที่ข้าราชการตุลาการถูกลงโทษทางวินัย 11 คน นำไปสู่การยื่นถวายฎีกาโดยผู้ถูกลงโทษทั้ง 11 คน รวมทั้งฎีกาของผู้พิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้นอีกรวม 193 คน จนในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณลดหย่อนผ่อนโทษ

อ้างพูดไม่หมดที่บอกต้องรับโทษก่อน

นายพิชิตได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีที่พรรคภูมิใจไทยและรัฐบาลออกมาต่อต้านการยื่นถวายฎีกาว่า อาจจะกลายเป็นการขัดขวางการใช้พระราชอำนาจและปฏิเสธพระราชอำนาจของพระองค์ได้ อีกทั้งจะทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยกกันมากขึ้น หากปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน เมื่อมีพระบรมราชวินิจฉัยแล้วทุกฝ่ายต้องน้อมรับ การกระทำของรัฐบาลจึงเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและอาจลืมนึกไปว่าการพระราชทานอภัยโทษนั้น นอกจากจะมีในส่วนที่เป็นกฎหมายแล้ว ยังมีในส่วนของพระราชอำนาจตามโบราณราชประเพณีด้วย และการที่ฝ่ายการเมืองออกมาระบุว่าการขอพระราชทานอภัยโทษ ผู้นั้นต้องได้รับโทษและต้องสำนึกผิดก่อนนั้น เป็นการพูดความจริงไม่หมด เป็นการพูดถึงวัตถุประสงค์การลงโทษเพียงเรื่องเดียว

เสื้อแดงบวงสรวงเทพเอาฤกษ์ชุมนุม

สำหรับการนัดชุมนุมกลุ่ม นชป.ที่ท้องสนามหลวงเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกานั้น มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่ด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงทยอยเดินทางยังสนามหลวงตั้งแต่ช่วงสาย นอกเหนือจากการจัดตั้งเวทีแล้วยังมีการเปิดบูธขายของที่ระลึกเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ิ หมวก เสื้อยืด กระปุกออมสิน รวมทั้งการตั้งโต๊ะเพื่อลงชื่อร่วมถวายฎีกาทั้งสองข้างของเวที

กระทั่งเวลา 13.00 น. บรรดาแกนนำกลุ่มเสื้อแดง อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์, นพ.เหวง โตจิราการ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายจรัล ดิษฐาภิชัย, นายมานิต จิตจันทร์กลับ และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เดินทางมาถึงเวทีปราศัย ทำพิธีบวงสรวงจตุคามรามเทพและเทพต่างๆ ที่ด้านข้างเวที เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยก่อนจะเริ่มการชุมนุมและปราศรัย ระหว่างนั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อบรรดาขบวนกลองยาวจากจังหวัดต่างๆ แห่กลองยาวทยอยนำรายชื่อประชาชนที่สนับสนุนการถวายฎีกามารวมตัวกันที่หน้าเวที โดยที่ตรงกลางเวทีจัดเป็นศูนย์รวมของการรวมรายชื่อทั้งหมด

จัดการ์ดชุดดำตรวจคนเข้า-ออกเข้ม

ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ต่างๆ นำกำลังมาสมทบในพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยประมาณ 100 นาย พร้อมโล่และกระบองครบชุด ขณะที่กลุ่มของคนเสื้อแดงเองได้จัด รปภ.หรือการ์ดแต่งชุดดำที่เรียกกันว่า นักรบพระเจ้าตาก ขึ้นมารักษาความสงบเรียบร้อยตรวจตราคนเข้า-ออกในหมู่เสื้อแดงเองด้วย

เวลา 16.00 น. นายวีระขึ้นเวทีเพื่อรับมอบรายชื่อจากขบวนกลองยาว โดยนายวีระประกาศบนเวทีว่าได้รับมอบรายชื่อจำนวน 300,000 รายชื่อแล้ว

แดงปูดปลุกให้วุ่นหวังรัฐประหาร

กระทั่งเวลา 17.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษก นปช.-แดงทั้งแผ่นดิน แถลงหลังเวทีปราศรัยว่า ประเมินว่ารายชื่อที่ประชาชนนำมามอบให้ที่เวทีท้องสนามหลวงประมาณ 1.5 ล้านรายชื่อ หากรวมทั้งหมดคาดว่าน่าจะได้ประมาณ 3 ล้านรายชื่อ โดยจะมีการเก็บไว้เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย 7 วันก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยจะยื่นโดยตรงกับสำนักพระราชวัง ซึ่งจะไม่ผ่านหน่วยงานใด รวมถึงองคมนตรี เพราะคนเสื้อแดงไม่ไว้ใจองคมนตรีบางคน และเมื่อเสร็จกระบวนการทูลเกล้าฯแล้วคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับการถวายฎีกาฯอีก โดยจะเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่รัฐบาลและกลุ่มอำมาตยาธิปไตยเท่านั้น

กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งโต๊ะถอนชื่อทุกจังหวัด ซึ่งก็มีบ้างที่ประชาชนไปถอนรายชื่อ แต่เชื่อว่าน่าจะมีจำนวนน้อย เพราะในใบฎีกาได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าก่อนที่จะร่วมลงชื่อผู้ร่วมลงชื่อจะต้องอ่านรายละเอียดให้เรียบร้อย นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นจะไม่มีการเคลื่อนที่ไปไหน หากไม่มีใครมาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วน เพราะวันนี้มีความพยายามของใครบางคนที่จะล้มโต๊ะ เพราะแบ่งสมบัติที่ปล้นกันมาตอนรัฐประหารไม่ลงตัว จึงมีความปลุกปั่นเพื่อจะได้ผลประโยชน์หลายต่อ โดยต่อแรกคือล้มกระบวนการรวบรวมรายชื่อถวายฎีกาฯ ต่อที่สองคือ ยุติความขัดแย้งภายในกันเอง โดยล้มโต๊ะทั้งหมดเพื่อเริ่มต้นใหม่ ซึ่งคนเสื้อแดงบอกเลยว่าหากมีการรัฐประหาร แล้วมีรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเพื่อชาติ หรือรัฐบาลแห่งชาติ ก็จะต้องถูกต่อต้านโดยคนเสื้อแดงแน่นอน

ขู่เล่นไม่เลิก-ไปเยือนบ้านสี่เสาฯ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พท. กล่าวว่า ขอฝากไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าให้ยุติกระบวนการขัดขวางการรวบรวมรายชื่อประชาชนเลย เพราะไม่สามารถหยุดประชาชนได้แล้ว และวันนี้บอกได้เลยว่ามีหน่วยงานที่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นำรายชื่อที่เข้าร่วมถวายฎีกาฯมามอบให้แกนนำคนเสื้อแดง หากเอ่ยชื่อแล้วจะช็อคกันหมด เพราะจะแสดงให้เห็นเลยว่าการอ้างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่ผ่านมานั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น ดังนั้น จึงควรยุติการขัดขวารรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อถวายฎีกาฯ รวมทั้งคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย เพราะหากยังทำอย่างนี้ต่อไป คนเสื้อแดงอาจจะต้องไปย้อนรำลึกคดีนี้กันที่บ้านสี่เสาฯอีกครั้ง

วีระเปิดจำนวนคนถวายฎีกาทะลุ4ล้าน

เมื่อเวลา 20.30 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ขึ้นไปประกาศบนเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงว่า ได้นับจำนวนประชาชนลงชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อ 20.20 น. พบว่ามีรายชื่อประชาชนมาลงชื่อจำนวน 4,109,973 คนแล้ว

โยงถวายฎีกาช่วยทักษิณกับกรณีพระพิมลธรรม

นายวีระ กล่าวปราศรัยต่อว่า การถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในวันนี้ มีที่มาจากแนวคิดเรื่องราชประชาสมาสัยที่ตนได้เรียนรู้มาจากม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่า สังคมไทยสามารถเกิดความร่วมมือกันระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนได้ และตนเคยเสนอแนวคิดนี้ไปเมื่อครั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จนได้รับการตอบรับจากสมาชิกนปช.หลายคน

นายวีระยังได้กล่าวเปรียบเทียบกรณีการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณกับกรณีการไม่ได้รับความเป็นธรรมของพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ)แห่งวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ในยุครัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ว่า ในช่วงต้นทศวรรษ 2500 พระพิมลธรรมเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถแต่กลับถูกบุคคลในคณะสงฆ์กลั่นแกล้ง และรัฐบาลเผด็จการได้จับท่านสึก ถอดสมณศักดิ์ และขังคุกในข้อหาคอมมิวนิสต์ พระพิมลธรรมถูกขังอยู่หลายปีจนกระทั่งศาลฎีกาตัดสินว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ในประมาณปีพ.ศ.2509

เมื่อพระพิมลธรรมพ้นโทษ คณะสงฆ์ได้ประชุมกันและลงความเห็นว่าท่านยังเป็นพระอยู่ เพราะท่านถูกเผด็จการดึงจีวรออกไป ไม่ใช่ถูกสึก ต่อมาคณะสงฆ์ได้มีการเข้าชื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอสมณศักดิ์คืนให้ท่านกลับมาเป็นพระพิมลธรรมตามเดิม จากนั้นก็มีการเข้าชื่อถวายฎีกาอีกครั้งหนึ่งโดยคณะสงฆ์และนักการเมืองเพื่อขอให้ท่านซึ่งเป็นพระเถระอาวุโสได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสมเด็จ จนท่านได้เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ในสมัยรัฐบาลม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเคยมีความร่วมมือและความสามัคคีระหว่างคณะสงฆ์กับพระราชามาก่อน แกนนำนปช.กล่าว

ทั้งนี้ภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวปราศรัยผ่านการโฟนอินจากต่างประเทศเสร็จสิ้นลง ได้มีพระสงฆ์จำนวน 7 รูปขึ้นมาบนเวทีการชุมนุมของกลุ่มนปช.เพื่อส่งหนังสือฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้นายกรัฐมนตรี ให้แก่นายมานิต จิตจันทร์กลับ ส.ส.ระบบสัดส่วนพรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช.อีกคนหนึ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook