มาร์คห่วงปัญหาภายในกระทบแผนทำงาน

มาร์คห่วงปัญหาภายในกระทบแผนทำงาน

มาร์คห่วงปัญหาภายในกระทบแผนทำงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ (2 ส.ค.) เวลา 09.00 น. ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับพี่น้องประชาชนในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" เป็นครั้งที่ 29 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ดังนี้

ช่วงที่ 1

รัฐบาลพร้อมส่งเสริมโอกาสและสถานภาพของสตรี

สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่เคารพรักครับ สัปดาห์นี้เป็นรายการที่บันทึกไว้นะครับ ในวันที่ 1 สิงหาคมครับ ผมก็ใส่เสื้อของวันสตรีไทย ซึ่งเป็นวันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี และสัญลักษณ์ที่อยู่บนหน้าอกเสื้อนี้ก็เป็นดอกคัทลียาควีนสิริกิติ์ นะครับ ซึ่งได้รับพระราชทานให้เป็นสัญลักษณ์ของวันสตรีไทย ก็เมื่อวานนี้ในวันสตรีไทยวันที่ 1 สิงหาคม ผมก็ได้มีโอกาสไปพบกับทางสภาสตรีฯ และองค์กรที่ทำงานทางด้านสตรีทั้งหมด ก็ได้มีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องของการที่จะส่งเสริมในเรื่องของโอกาสและสถานภาพของสตรี และสิ่งที่ผมได้เน้นย้ำคือว่าที่ต้องช่วยกันแก้ปัญหาขณะนี้ หนีไม่พ้นข้อเท็จจริงครับว่า บทบาทของสตรีนั้นผูกพันใกล้ชิดกับเรื่องของสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะโอกาสในการทำงาน ก็จะขึ้นอยู่กับการที่มีภาระในเรื่องของครอบครัวด้วย ภาระในเรื่องของหน้าที่การงานด้วยในยุคสมัยใหม่ ซึ่งผมก็ได้เน้นย้ำครับว่าการมีสถาบันครอบครัวที่อบอุ่นนั้น

ความจริงก็ต้องถือว่าเป็นหน้าที่ของทั้งหญิงและชาย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ แต่ว่าแน่นอนที่สุดนะครับ บทบาทของความเป็นแม่มีความสำคัญมาก แล้วเราก็ต้องการที่จะให้หญิงไทยในยุคปัจจุบันสามารถที่จะมีความก้าวหน้าในอาชีพการงานต่าง ๆ ได้ พร้อม ๆ กับการที่ยังสามารถทำหน้าที่แม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงนี้ทางรัฐบาลเองก็มีแนวทางในการที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องของการลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความจำเป็น เช่น

เรื่องของศูนย์เด็กเล็กนะครับ จะเป็นในสถานประกอบการก็ดี หรือว่าในชุมชนก็ดี รวมไปถึงการเดินหน้าในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติ หรือปัญหาอีกปัญหาหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน ก็คือความรุนแรงในครอบครัวนะครับ โดยขณะนี้เราก็มีกฎหมายที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือดีอยู่พอสมควรนะครับ แต่การที่จะต้องมีหน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันต่อไป และผมก็ได้ฝากเอาไว้ครับว่า ในแง่ของการส่งเสริมสถานภาพของสตรีนั้น สำคัญที่สุดในขณะนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องของการที่จะต้องไปแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย กฎระเบียบอะไร แต่เป็นเรื่องของการที่จะส่งเสริมทัศนคติที่ถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ชายเองก็ต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อสตรี ในแง่ของบทบาทและสถานภาพในสังคม และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวันสตรีไทยจะมีตลอดทั้งสัปดาห์ คือสัปดาห์ถัดไปด้วย

วันนี้คงจะขอใช้เวลาในช่วงต้นคุยในเรื่องของงานของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจนะครับ แต่ว่าในช่วงที่ 2 นั้นจะมีพิธีกรรับเชิญมาคุยส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของงานสวัสดิการชุมชน ซึ่งผมได้เคยเกริ่นเอาไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และเหตุผลที่วันนี้ต้องบันทึกรายการเป็นเทปก็เพราะว่า ในวันอาทิตย์คือวันนี้ที่ออกอากาศอยู่ ผมเดินทางไปที่จังหวัดสงขลานะครับ เพื่อไปดูงานของกลุ่มสวัสดิการชุมชน ซึ่งมีความเข้มแข็งอยู่พอสมควร แต่เดี๋ยวในช่วงหลังจากที่พักกัน จะมาคุยในเรื่องนี้

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณที่ดี

ช่วงต้นนี้ผมขอคุยถึงเรื่องของงานของรัฐบาลในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเรื่องของเศรษฐกิจ ประการแรกคืออยากจะพูดถึงว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประมวลข้อมูลหลายอย่าง ซึ่งก็ทำให้เราเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เริ่มต้นจากการที่มีการไปสำรวจความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงอุตสาหกรรมและแวดวงนักลงทุนก่อน มีงานสำรวจอยู่ 3 ชิ้นนะครับที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี งานแรกก็คือเป็นเรื่องของหอการค้าญี่ปุ่นครับ เขาก็ไปสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้ประกอบการสัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย ญี่ปุ่นนั้นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยครับ สิ่งที่ปรากฏออกมาชัดเจนจากการสำรวจก็คือว่า ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการประกอบการในครึ่งปีหลังของปี 2552 นี้ เทียบกับครึ่งแรกของปีนี้ ผู้สำรวจส่วนใหญ่นะครับ มีความเชื่อมั่นว่าจะดีขึ้นเกือบในทุกภาคอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้น อันนี้ก็เป็นสัญญาณที่น่าจะสอดคล้องกับการประมาณการ และการประเมินตัวเลขทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เชื่อว่าในแต่ละไตรมาสหรือทุก 3 เดือนที่ผ่านไปนี้ครับ แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังหดตัวอยู่ในช่วงประมาณ 9 เดือนแรกของปีนี้ แต่ว่าจะดีขึ้นโดยลำดับ และก็ยังจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ใน 3 เดือนสุดท้ายนะครับ

ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมิถุนายนเริ่มดีขึ้น

ในส่วนที่ 2 ครับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเองก็ได้มีการจัดทำผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ก็พบเช่นเดียวกันครับว่าตัวเลขในแง่ของความเชื่อมั่นในเรื่องของผู้ประกอบการที่มีต่ออุตสาหกรรม ดัชนีความเชื่อมั่นก็ดีขึ้นมาในเดือนมิถุนายน จริงอยู่ครับระดับความเชื่อมั่นอาจจะยังต่ำอยู่ แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่าระดับความเชื่อมั่นนี้ก็สูงสุดในรอบ 17 เดือนนะครับ เหตุผลที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นนี้ก็เพราะว่าในเรื่องของปริมาณคำสั่งซื้อและยอดขาย ซึ่งขณะนี้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นโดยลำดับนะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ยืนยันครับว่า ในหมู่ผู้ประกอบการเองก็มีความเชื่อว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังนั้นเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น

สุดท้ายนะครับที่เป็นการสำรวจก็เป็นในส่วนของสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ที่เรียกว่า CEO Forum อันนี้ก็มีการไปสำรวจในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ อาหารแช่แข็ง และผู้บริหารระดับสูงในส่วนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกันครับว่า มองไปข้างหน้าส่วนใหญ่เห็นว่า เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว และคาดว่าจะเริ่มมีการลงทุนเพิ่มขึ้น มีการได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งก็จะเริ่มต้นจากนี้ไปนะครับ

สถานการณ์การว่างงานเริ่มบรรเทา

นอกจากการสำรวจความคิดเห็นต่าง ๆ แล้วก็มีตัวเลขหลายตัวอีกนะครับที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ผมคิดว่าเป็นตัวบ่งบอกว่าสถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้นโดยลำดับ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งก็ยังอยู่ระดับที่สูงนะครับและเพิ่มขึ้นมาโดยลำดับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดัชนีการว่างงานครับ ที่ดูว่าปัญหาการว่างงานซึ่งกังวลกันมากเมื่อช่วงต้นปีว่าจะรุนแรงมาก และก็ดูรุนแรงอยู่ในช่วง 2 - 3 เดือนแรก ระยะหลังนั้นตัวเลขจากการสำรวจเรื่องของการว่างงานนั้น สถานการณ์ก็เริ่มบรรเทาลงมาเช่นเดียวกันนะครับ

และตัวเลขสุดท้ายที่อยากจะเรียนคือว่าในการประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันพุธที่ผ่านมา กระทรวงการคลังก็ได้รายงานครับว่า การจัดเก็บรายได้ขณะนี้จากเดิมซึ่งคาดการณ์ไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ว่าจะเก็บได้ต่ำกว่าเป้าเกือบ 300,000 ล้านนี้ บัดนี้คิดว่าจะต่ำกว่าเป้าเพียงประมาณ 200,000 ล้านนะครับ ก็คือว่าจากในช่วงประมาณเดือน - 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้มีความวิตกกังวลกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ บัดนี้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ดีขึ้น อากรขาเข้าที่ดีขึ้น แล้วก็ภาษีตัวอื่น ๆ ด้วย ก็บ่งบอกว่าสถานการณ์นั้นอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนอย่างที่หลายฝ่ายกังวลกัน เพราะฉะนั้นนี่คือภาพรวมที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นการยืนยันนะครับว่า ขณะนี้เราเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ดีในทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามนะครับ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และเดินหน้าในการที่จะให้เกิดความมั่นใจว่าการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจนั้นเดินไปได้ตามแผนนะครับ

ออกระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความโปร่งใส

วันอังคาร (28 ก.ค.) คณะรัฐมนตรีก็ได้มีการจัดระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง สามารถที่จะดำเนินการในการที่จะให้เงินลงไปถึงมือประชาชนได้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นมีการลดเวลาที่ทำให้การจัดซื้อจัดจ้าง และการที่เงินในโครงการต่าง ๆ จะลงไปสามารถทำได้เร็วขึ้นประมาณ 1 เดือน โดยไม่ให้กระทบกับความโปร่งใสครับ คือขั้นตอนการตรวจสอบการอุทธรณ์อะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมูลจัดซื้อจัดจ้างยังมีอยู่ครบถ้วน แต่ร่นเวลาเข้ามาเพื่อประโยชน์ให้การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งเป็นมาตรการสำคัญ สามารถลงไปสู่ภาคเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

พร้อม ๆ กันไปเราก็ทราบดีครับว่าปัญหาของอุตสาหกรรม ปัญหาของธุรกิจต่าง ๆ ก็สมควรจะได้รับการแก้ไขไป เพราะฉะนั้นการแก้ไขในทุกภาคส่วนก็เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ภาคธุรกิจอย่างเช่น อัญมณี ซึ่งก็ได้เรียกร้องในเรื่องของการยกเว้นภาษีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบ ภาษีมูลค่าเพิ่มต่าง ๆ หลังจากได้ปรึกษาหารือต่าง ๆ กันแล้ว คณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเชื่อครับว่า จะสามารถส่งเสริมให้ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางในเรื่องของอุตสาหกรรมนี้ได้ อย่างนี้เป็นต้น

รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตร

ในส่วนของภาคการเกษตรนะครับ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลำไย ก็ได้มีการอนุมัติงบประมาณไป อนุมัติสินเชื่อไป และเท่าที่ตรวจสอบดูขณะนี้ แนวโน้มราคาก็เริ่มกระเตื้องขึ้นมา อย่างนี้เป็นต้นนะครับ แล้วก็ในส่วนของการเดินหน้าต่อไปในอนาคต ระบบการประกันราคาข้าว คณะกรรมการข้าวก็ได้มีการประชุมกันแล้วนะครับ ราคาประกันสำหรับข้าวขาวก็จะอยู่ที่ 10,000 บาท และในขั้นตอนจากนี้ไปก็จะเริ่มเป็นการไปจดทะเบียนเกษตรกร ว่าเกษตรกรทั้งหลายอยู่ที่ไหน ปลูกข้าวในข้าวนาปีปริมาณเท่าไร และสำหรับรายละเอียดราคาของข้าวประเภทอื่น ๆ ก็ดี ร่วมทั้งปริมาณก็จะมีการเร่งรัดให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว แต่ว่าโครงการนี้อย่างที่เคยพูดมาหลายครั้งนะครับ จะเป็นครั้งแรกที่ทำให้เกษตรกรทุกคนได้ประโยชน์จากการแทรกแซงในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรของรัฐบาล แล้วก็ได้ดำเนินการไปแล้วในส่วนของข้าวโพด และมันสำปะหลังนะครับ และต่อจากนี้ไปในเรื่องของข้าวก็จะดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันนะครับ นี่คืองานสำคัญทางด้านเศรษฐกิจที่ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

ปรับปรุงเว็บไซต์เพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าโอท็อป

ผมก็เลยถือโอกาสเรียนเพิ่มเติมครับว่า มาตรการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจชุมชน ก็ยังมีเรื่องที่มีความวิตกกังวลกันอยู่หลายเรื่อง โครงการชุมชนพอเพียงนะครับผมก็เรียนว่าเมื่อมีการร้องเรียนมาว่ามีความไม่โปร่งใส ก็ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าในการตรวจสอบให้โครงการต่าง ๆ นั้นอยู่บนเจตนารมณ์ของโครงการอย่างแท้จริง และมีความโปร่งใส ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่ผมได้มีโอกาสร่วมประชุมแล้วก็ทำให้มีความคืบหน้ามากขึ้นนะครับ ก็คือโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อป ซึ่งหลายคนก็มีความวิตกกังวลกันว่าโครงการนี้เมื่อเริ่มต้นขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้เกิดอุตสาหกรรมหรือวิสาหกิจชุมชนขึ้นในหลายพื้นที่ทีเดียว ก็ไปได้ดี แต่ว่าหลายแห่งยังประสบกับปัญหา

สัปดาห์ที่ผ่านมามีการจัดสมัชชาโอท็อปหรือ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อมาทบทวนประมวลดู และดูว่ามีอะไรบ้างที่จะสามารถทำงานเดินต่อไปได้ เพื่อให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็ได้มีโอกาสพบกับผู้ประกอบการจากทุกภาค มีการสรุปปัญหามา งานที่จะต้องทำต่อไปนี้ครับคือการทำให้เป็นระบบมากขึ้นครับ เริ่มตั้งแต่ว่าผลิตภัณฑ์ใดจะมาใช้ชื่อโอท็อปก็ควรจะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ที่เป็นตัวบ่งบอกว่าสามารถจะมาอยู่ร่วมในโครงการนี้เพราะว่าเป็นเรื่องของเอกลักษณ์ ของชุมชนนั้น ๆ หรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ นะครับที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการนี้ ไปจนถึงเรื่องของการจัดให้ดาว จัดคุณภาพอะไรต่าง ๆ ก็ต้องเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน โปร่งใส ที่สำคัญก็คือว่าการต่อยอดจากนี้ไปจะเป็นเรื่องของ 1. การคุ้มครองสิทธิทางปัญญา 2. คือการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ผ่านโครงการที่จะให้ความรู้เพิ่มเติม หรือที่เรียกว่า Knowledge base ก็จะทำตรงนี้ต่อไป และที่สำคัญที่สุดครับคือเรื่องการตลาด ซึ่งรัฐบาลก็จะมีการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในเรื่องของการตลาดของสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์

และที่เขาขอผมเป็นพิเศษคือว่าในรายการทุกอาทิตย์เป็นไปได้ไหมว่าเอาผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อปมาให้ท่านผู้ชม ผู้ฟังที่ติดตามรายการอยู่นี้ ได้มีโอกาสติดตามด้วยนะครับ ก็เลยถือโอกาสครับวันนี้จะเห็นนะครับว่ามีผลิตภัณฑ์ของโอท็อปที่เอามาให้ดูกัน จากกรุงเทพฯ ครับก็มีหุ่นกระบอกไทย มีผ้าไหมจากสุรินทร์ มีขนมต่าง ๆ จากสระบุรี มีผลิตภัณฑ์สปาจากลำพูน อันนี้ก็มีทั้งแฟ้มจากกลุ่มจักสานที่มาจากจังหวัดนครปฐม ถ้าผมจำไม่ผิด ขอโทษครับจากสุราษฎร์ธานีนะครับ อันนี้ครบทุกภาคเลยนะครับ ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และทุกสัปดาห์นะครับผมจะเปิดโอกาสให้มีการนำเอาสินค้าโอท็อปหรือหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ มาแสดงอยู่ในรายการนี้นะครับ ซึ่งก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งนะครับที่จะช่วยเผยแพร่ และเราจะอาศัยโอกาสของการประชุมระหว่างประเทศด้วยครับ ก็เรียกร้องกันมากว่าในส่วนของอาเซียนที่ภูเก็ตที่จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการที่จะมาเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งจะเป็นช่องทางในการที่จะเดินหน้าในโครงการนี้

นอกจากนั้นครับมีการสอบถามมาด้วยครับว่า โครงการของกองทุนหมู่บ้านซึ่งต้องยอมรับว่าระยะหลังก็มีข้อจำกัดมากขึ้น เพราะว่าในหลายพื้นที่คือเงินทุนไม่พอบ้าง กู้ไปแล้วยังมีปัญหาว่าเป็นการกู้ระยะเวลาสั้น ๆ 1 ปีบ้าง ขณะนี้ผมได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประเมินเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้วนะครับ และจะมีการปรับและเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าต่อให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนได้ด้วยนะครับ เพราะฉะนั้น ในแง่ของเศรษฐกิจชุมชนก็เป็นเรื่องที่จะมีการเดินหน้าต่อไป และจะไปสอดรับกับอีกหลายงานที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าทำในระดับชุมชน รวมทั้งสวัสดิการชุมชน ซึ่งจะได้คุยกันในช่วงหลังของรายการด้วย

การประกอบธุรกิจต้องมีธรรมาภิบาลเป็นภูมิคุ้มกัน

นอกเหนือจากงานทางด้านเศรษฐกิจนะครับ อีกเรื่องสำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือได้มีการจัดงานที่เรียกว่าสมัชชาคุณธรรม ตลาดนัดคุณธรรม อันนี้ก็เป็นงานนโยบายทางด้านสังคมที่มีความสำคัญ ปัจจุบันเรามีหน่วยงานองค์กรที่เรียกว่าศูนย์คุณธรรม ที่จะทำการเผยแพร่ในเรื่องของค่านิยมที่ดี และในการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรม ในองค์กรต่าง ๆ ทุกภาคส่วนของสังคม ปีนี้ก็มีการตั้งหัวข้อของการจัดประชุมสัมมนาไว้ว่า "ฝ่าวิกฤตด้วยธุรกิจคุณธรรม" อันนี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่ชี้ให้เห็นครับว่า ความยั่งยืนการทำงานของภาคธุรกิจ ภาคเอกชนนั้นจะต้องมีธรรมาภิบาลเข้าไปประกอบ ไปกำกับอยู่ด้วย และเป็นสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้จากวิกฤตทุกครั้งครับว่า ที่จริงแล้วถ้าหากว่าการประกอบธุรกิจนั้นสามารถที่จะมีธรรมาภิบาลได้ก็จะเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดี

ในสัปดาห์นี้ผมเองยังมีโอกาสได้พบกับกลุ่มเยาวชนครับ ซึ่งน่าประทับใจมากก็คือกลุ่มเด็ก ๆ เยาวชนของเราซึ่งตอนหลังนี้ก็มักจะถูกมองว่าเป็นปัญหาของสังคม กลับปรากฏว่ามีกลุ่มเยาวชนทั่วประเทศนะครับ ที่ไปทำงานทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ไปรวมกลุ่มกันออกค่ายบ้าง เพื่อเผยแพร่ในเรื่องของหลักธรรมคำสอนก็มี ไปรณรงค์ในเรื่องของการไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รักนวลสงวนตัว ไปทำงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรักสัตว์ อนุรักษ์สัตว์ก็มี รวมไปจนถึงการที่ใช้เวลาว่างในการที่จะไปเยี่ยมเยียนดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ซึ่งอาจจะไม่มีลูกหลานดูแลอยู่ อย่างนี้เป็นต้น ผมก็เปิดโอกาสให้มาพบที่ทำเนียบฯ และให้กำลังใจ และก็คิดว่าจะมีการขยายผลงานเหล่านี้ไปได้อีกนะครับ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการที่มาแสดงในตลาดนัดคุณธรรมเช่นเดียวกัน

เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็อยากจะเรียนนะครับว่า งานทางด้านเศรษฐกิจ สังคม รัฐบาลเดินหน้าอย่างต่อเนื่องนะครับ และผมเองนั้นทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้ภาวะต่าง ๆ กลับคืนสู่ความเป็นปกติ ในแง่ของเศรษฐกิจก็คือกลับมาขยายตัวเป็นบวก แล้วก็เร่งแก้ไขปัญหาทางด้านสังคม ซึ่งยืดเยื้อเรื้อรังมา รวมไปถึงปัญหาที่เป็นข้อกังวลใจของประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง นะครับ เรื่องยาเสพติด เรื่องเกม เรื่องอะไรต่าง ๆ นั้น ก็จะมีการเดินหน้า ทั้งรณรงค์และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดมากขึ้น และหาเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ ๆ เข้ามาจัดการกับปัญหานี้อย่างต่อเนื่องต่อไปนะครับ เดี๋ยวพักกันสักครู่นะครับ วันนี้มีพิธีกรพิเศษมาพูดคุยในเรื่องของสวัสดิการชุมชนด้วย ตลอดจนอาจจะได้พูดคุยกันถึงในเรื่องของประเด็นปัญหาซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในสังคมค่อนข้างมาก จะเป็นเรื่องของปัญหาเกี่ยวข้องกับการทำงานของตำรวจในคดีความต่าง ๆ รวมไปจนถึงเรื่องของการถวายฎีกาด้วยครับ

ช่วงที่ 2

ผู้ดำเนินรายการ (นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง) สวัสดีครับ ต้องขอบพระคุณนะครับที่ให้เกียรติผมมาถามท่านนายกฯ วันนี้ มาแอบฟังท่านนายกฯ พูดอยู่คนเดียวสัก 20 กว่านาที ทำให้ผมนั่งคิดว่าทำไมไม่ให้ผู้นำฝ่ายค้านมีโอกาสได้พูดบ้าง เพราะตอนเป็นฝ่ายค้านก็เห็นเรียกร้องว่าควรจะมีเวลาเท่า ๆ กัน

นายกรัฐมนตรี ที่จริงผมทำหนังสือขอในฐานะผู้นำฝ่ายค้านตอนนั้นรู้สึกจะขอครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ขอเท่ากัน เพราะทราบดีว่าฝ่ายบริหารอาจจะมีเรื่องที่ต้องรายงานให้พี่น้องประชาชนทราบมากกว่า ผมได้บอกไปแล้วว่าถ้ามีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คือผมอยากให้เป็นระบบว่าหัวหน้ารัฐบาล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตำแหน่งที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง มีสถานะตามรัฐธรรมนูญ ก็ยินดีที่จะให้เวลาของสื่อของรัฐ แต่บังเอิญก็อยู่ในภาวะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เพราะว่าทางพรรคฝ่ายค้านเขาตัดสินใจเองว่าขณะนี้เขาไม่ประสงค์ที่จะมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

ผู้ดำเนินรายการ ตกลงท่านนายกฯ ยังยืนยัน

นายกรัฐมนตรี ผมยืนยันครับ เพราะว่าผมเคยพูดไว้ว่าถ้ามีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก็ควรที่จะได้มีโอกาสสื่อสารกับพี่น้องประชาชน

ผู้ดำเนินรายการ ท่านนายกฯ บอกว่า 7 เดือนผ่านมาแล้ว ยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน ทำให้ผมนั่งคิดดูอยู่เหมือนกันว่าท่านนายกฯ เข้ามากับรัฐบาลนี้เข้ามาได้ 7 เดือน ก็ประสบวิกฤตต่าง ๆ เยอะแยะเลย ตั้งแต่วิกฤตแรก การเมืองนั้นผู้คนแตกแยกชัดเจนมาก ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจโลกมีปัญหา เราถูกสะเก็ดระเบิดไปด้วย ขณะเดียวกันปัญหาทางสังคม เรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็มากมาย ท่านนายกฯ คิดว่ารัฐบาลนี้โชคดีหรือโชคร้าย

นายกรัฐมนตรี ผมไม่เคยคิดมองในมุมว่าเป็นโชค ผมถือว่าปัญหาเรื่องวิกฤตต่าง ๆ เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นได้ และผมมองในมุมว่าเราต้องทำอะไรมากกว่า

ผู้ดำเนินรายการ แต่มันเกิดขึ้นซ้อนๆ กัน 3 อย่างพร้อม ๆ กัน และเกิดขึ้นในขณะที่ก่อนเข้ามา

นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าอย่าว่าแต่รัฐบาลเลยนะครับ คนไทยทุกคนถ้าเลือกได้ ก็คงไม่อยากจะต้องให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเหล่านี้ แต่บางเรื่องเราช่วยไม่ได้ เช่น เรื่องเศรษฐกิจ ถ้าจะช่วยได้ต้องบอกว่าเราอาจจะต้องติดต่อค้าขายกับโลกน้อยลง ซึ่งผมคิดว่าคงไม่ใช่ความปรารถนาของคนส่วนใหญ่ เพราะจริงๆ เศรษฐกิจที่เติบโตขยายตัว คนมีรายได้มีโอกาสกันมามาก ก็มาจากการค้าระหว่างประเทศเยอะ เมื่อตอนดี ๆ เรารับ ตอนที่มันไม่ดี เราก็คงต้องยอมรับผลกระทบกันบ้าง รัฐบาลก็เร่งแก้ไขไป แต่ว่าเรื่องของไข้หวัดใหญ่ก็เหมือนกัน ก็เป็นเรื่องซึ่งเวลานี้อยากจะบอกว่าทั่วโลกก็กังวลกันมาก รัฐบาลไทยเอง ผมยังยืนยันนะครับว่าเราติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ตอนนี้จุดหลักจะอยู่ที่เรื่องระบบการกระจายยา และติดตามว่าเชื้อตัวนี้ไปมีผลกระทบ มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ สำหรับที่จะต้องป้องกันไว้ เผื่อมันมีระลอก 2 ระลอก 3 เท่าที่ผมตามขณะนี้ สถานการณ์ในกรุงเทพฯ น่าจะเริ่มเบาลง ยังไม่ชัดเจนขนาดนั้น แต่อย่างน้อยไม่ใช่ขาขึ้น แต่ในหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดจะเริ่มออกไป เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากเรื่องยาแล้ว ระบบ อสม. ต้องช่วยดูในส่วนของภาคชนบท ส่วนภาคในเมือง ถ้าระบบการกระจายยาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก็คงจะลดความเสียหายได้

ผมเรียนอย่างนี้นิดหนึ่งนะครับ ผมไม่ค่อยสบายใจ มีคนชอบไปพูดว่าเรามีปัญหามากที่สุดในโลกอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ที่จริงไม่ใช่ล่ะครับ จริงๆ อันหนึ่งก็ลำบาก เพราะว่าระบบการเปรียบเทียบตัวเลข องค์การอนามัยโลก (WHO) เขาเลิกให้รายงานไปแล้ว เพราะว่าหลายประเทศขณะนี้เขาถือว่าเหมือนกับโรคปกติธรรมดา และตัวเลขจะไปขึ้นอยู่กับระบบการรายงาน บางประเทศก็รายงานถี่ รายงานบ่อย ตัวเลขก็จะขึ้นอยู่ตลอดเวลา บางประเทศผมสังเกตดูว่าถึงจุดหนึ่ง มีตัวเลขก็หยุดนิ่งอยู่เฉย ๆ ซึ่งคงไม่ใช่ว่าปัญหาไม่มี แต่ว่าตอนนี้การติดเชื้อและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาก ที่ผมเห็นชัดคือชิลี บราซิล ออสเตรเลีย แคนาดา และอังกฤษเอง ถึงขั้นบอกว่าบางวันอาจจะต้องเสียชีวิตกันเป็นร้อยคน ซึ่งผมหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น และยังไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่

ผู้ดำเนินรายการ เรื่องไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ถ้าเราให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลุกขึ้นมา ชุมชนลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น และอาจจะมี อสม. ของชุมชนก็ดี หรือสถาบันการศึกษาลุกขึ้นมามากขึ้นจะดีไหมครับ

นายกรัฐมนตรี ดีครับ จริง ๆ แล้วเราส่งเสริมทุกองค์กร และความรับผิดชอบขององค์กรจะเป็นโรงเรียน สถานประกอบการ ถ้าจัดรณรงค์ในเรื่องของการล้างมือ และถ้าไปในที่เสี่ยง ก็ใส่หน้ากากอนามัย ทำความสะอาด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ก็เป็นเรื่องที่เราอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำอยู่แล้ว

ผู้ดำเนินรายการ ที่เราชอบกินส้มตำจานเดียวกัน คนละช้อน คนละอัน และนั่งกินกันไปกินกันมา

นายกรัฐมนตรี คืออยากจะส่งเสริมนะครับ เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะไข้หวัดใหญ่ ต่อไปถ้าเราฝึกฝนให้เป็นนิสัย เรื่องกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และที่สำคัญคือว่าเวลาตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม คือไม่ใช่ว่าป่วยแล้วก็ยังไปโรงเรียน ป่วยแล้วก็ยังไปทำงาน อันนี้เป็นตัวปัญหา

ผู้ดำเนินรายการ แต่วิกฤตที่ผมพูดอย่างน้อย 3 อย่าง ถ้าไม่ดี จะทำให้นายกรัฐมนตรีกับรัฐบาลนี้ทำงานได้คือรุกไปข้างหน้า แต่เพราะมีเลยทำให้พะว้าพะวังที่จะมาแก้ไขปัญหาภายใน

นายกรัฐมนตรี คือจริง ๆ วิกฤตที่ยังไม่ได้พูดเรื่องความขัดแย้ง อันนั้นพูดตรง ๆ เลยเป็นเรื่องของเราจริง ๆ ไข้หวัดก็ดี เศรษฐกิจก็ดี เราพูดได้เลยว่าเริ่มต้นมันมาจากข้างนอก และกระจายไป แต่เรื่องความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเรื่องของเรา และสิ่งที่ผมพยายามทำในช่วงครึ่งปีกว่า ๆ ก็พยายามทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติให้มากที่สุด พยายามให้เกิดการกระทบกระทั่งน้อยที่สุด พยายามขีดวงไม่ให้ความขัดแย้งลามไปในจุดที่ไม่ควรลามไป ซึ่งอาจจะต้องคุยกันสักนิดหนึ่งเรื่องของปัญหาการถวายฎีกา แต่อาจารย์ถามว่าเป็นอย่างนี้แล้วมันทำให้รัฐบาลทำงานยากแค่ไหน ผมก็ต้องบอกนะครับว่าคือปัญหาจะต้องมีตลอดเวลา แต่ผมก็ยอมรับนะครับว่าความขัดแย้งทางการเมือง หรืออย่างไข้หวัด บางครั้งทำให้แผนงานของเรากระทบ ผมเห็นชัดเจนเลยคุยกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ผมจะคุยอยู่เป็นประจำ เขาบอกกำลังจะดีอยู่แล้วมันเกิดเรื่องนี้อีก กำลังจะดีอยู่แล้วทำไมมันเกิดเรื่องนี้อีก ผมก็อยากจะวิงวอนครับ ที่ควบคุมไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างที่ว่าเกิดปัญหาไข้หวัดมาจากข้างนอก ไม่เป็นไร แต่พวกเรากันเอง ตอนนี้ผมเห็นว่าในชาวง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีคณะต่าง ๆ เดินทางมาประชุม แข่งขันกีฬา อะไรต่าง ๆ ความเชื่อมั่นเริ่มมี ยิ่งประชุมอาเซียนเรียบร้อย ผมไปจีนมาได้รับการสนองตอบจากจีนเป็นอย่างดีที่นักท่องเที่ยวเข้ามา อย่าให้มีเหตุการณ์อะไรที่มาทำให้สะดุดอีก

ผู้ดำเนินรายการ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้วถามเลยนะครับว่าเรื่องถวายฎีกา อธิการบดี 26 สถาบันได้มีการประชุมกัน แล้วมีมติออกมาว่าจะขอให้ทางราชเลขาธิการยับยั้งฎีกาที่บรรดากลุ่มเสื้อแดงจะขอเพื่ออภัยโทษให้คุณทักษิณ ท่านนายกฯเห็นอย่างไรครับ

นายกรัฐมนตรี คือโดยปกติเรื่องของการถวายฎีกาจะมีขั้นตอนในเรื่องนี้ และเข้าใจว่าผู้ที่เขามีความเชี่ยวชาญก็ได้พยายามอธิบายมาโดยตลอด โดยหลักแล้วหากแม้ว่าทางสำนักราชเลขาธิการรับไว้ หมายถึงรับไว้ในทางธุรการ ก็จะต้องมาถามความเห็นของรัฐบาล และขณะนี้เราได้รวบรวมข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และตอนนี้ก็มีความเห็นของท่านอธิการบดี ผมเองก็อยากจะเรียนอย่างนี้ครับ ผมได้พูดกับประชาชนไปบ้าง แต่ยังไม่ได้พูดละเอียดมากนัก คือผมพูดมาตั้งแต่ต้นและย้ำตั้งแต่หลังเกิดวิกฤตเมื่อเดือนเมษายนว่าการเมือง ผมรู้ดีว่ายังมีความคิดเห็นที่ยังไม่ตรงกันอยู่ ขัดแย้งกันอยู่ แต่ว่าเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ไม่พึงที่จะให้ไปกระทบกับสถาบันซึ่งเป็นสถาบันที่หลอมรวมจิตใจของคนทั้งประเทศ ทีนี้ที่เวลานี้พูดกันเรื่องล่าชื่อถวายฎีกา ก็ไปทำความเข้าใจกัน ผมว่ามันคลาดเคลื่อนมาก ทำนองว่าช่วยกันเซ็นชื่อนะ แล้วจะมีการขอให้พระราชทานอภัยโทษสำหรับอดีตนายกฯ

ผมก็อยากจะบอกว่าเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ กฎหมายมีอยู่ ลักษณะก็หมายความว่าคือคดีตัดสินแล้ว คน ๆ นั้นก็รับโทษ เดือดร้อน พูดง่าย ๆ คือว่าพึ่งพระบารมีในแง่ของการให้พระองค์ท่านมีพระมหากรุณาธิคุณทรงเมตตาที่จะพระราชทานอภัยโทษให้ หลักของมัน พูดง่าย ๆ ก็เหมือนกับว่าคนทำผิด ผิดไปแล้ว และจะต้องถูกลงโทษ แล้วก็เดือดร้อน และก็ขอ เพราะฉะนั้น ปกติอาจารย์จะเห็นว่าคนขอคือใคร คือเจ้าตัว คือครอบครัวที่เขาเดือดร้อน แต่ขณะนี้ที่เป็นอยู่ เจ้าตัวครอบครัวไม่ขอ อยู่ดี ๆ ไปบอกว่าให้คนอื่นที่ชอบตัวเอง รักตัวเอง หรืออะไรก็แล้วแต่ มาเข้าชื่อเยอะ ๆ แล้วขอ ที่สำคัญคือว่าคำที่ขอ ไม่ได้เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษ เหมือนกับโต้แย้งศาล คล้าย ๆ ว่าศาลตัดสินไม่ถูกหรือว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งอันนี้ไม่ได้เข้าหลักเกณฑ์

ผู้ดำเนินรายการ ถ้าเขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ เพราะคนตั้ง 4 ล้านกว่าคนเข้าชื่อกันจำนวนมากเลย

นายกรัฐมนตรี เรื่องของการตัดสิน ศาลก็ตัดสินในพระปรมาภิไธยเป็น 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตย มีกระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับ คงไม่สามารถจะไปเกี่ยวกับว่ามีคนมาก หรือมีคนน้อยที่ชอบ ไม่ชอบ คนที่ถูกตัดสิน ทีนี้ผมถามอาจารย์ว่าถ้าเกิดจะทำกันอย่างนี้ เกิดมีคนที่เขาไม่ชอบ เขาจะขอถวายฎีกาบ้างว่าที่ลงโทษนี่น้อยไป มันไม่ใช่แล้วล่ะครับ เราต้องไม่ให้มีของแบบนี้ครับ เพราะว่าพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าเจ้าตัวสำนึกผิดได้รับความเดือดร้อน ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน ประสบความยากลำบาก จะขอก็ทำตามกฎหมาย หรือถ้าเป็นการร้องทุกข์ การร้องทุกข์ถวายฎีกาก็มี ตามโบราณราชประเพณี อาจารย์ก็ทราบนะครับ และจะมีอยู่เป็นระยะ ๆ ใครที่คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงาน เหตุการณ์อะไรต่าง ๆ บางครั้งก็มีการถวายฎีกาขึ้นไป แต่ก็เช่นเดียวกันนะครับ คือเจ้าตัว และมีผลกระทบเกี่ยวข้องโดยตรง และต้องไม่ไปก้าวล่วงอำนาจอธิปไตยต่าง ๆ ซึ่งกำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ

ผู้ดำเนินรายการ ท่านนายกฯ พูดตรงกับที่ประชุมอธิการบดี ที่บอกว่าไม่มีกฎหมายรองรับให้ทำได้ ขณะเดียวกันก็ไม่มีประเพณีปฏิบัติ และมีเจตนาแอบแฝงทาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook