วิวาทะค่าบาท ''ธาริษา''ตอกกลับ ''โกร่ง'' ''อย่าเอาความรู้สึกมาพูด''
นอกเหนือจากที่ ดร.โกร่ง เคยกล่าวพาดพิงถึงการ ทำหน้าที่ของธปท. ในการดูแล ค่าบาท ไว้ บนเวทีสัมมนาวิชาการประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า แบงก์ชาติไม่ทำหน้าที่แล้ว ยังมาพูดอีกว่าค่าเงินบาทไม่เกี่ยวกับการส่งออกและท่องเที่ยว
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.2552) บนเวทีสัมมนาเรื่อง เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังไทยจะเข้ม แข็งจริงหรือ ซึ่งจัดโดยสถาบันสร้างสานอนาคตไทย สมาคมศิษย์เก่าสถาบันและสมาคมเศรษฐ-ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.โกร่ง ยังฟันธงว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ต้องใช้เวลาฟื้นตัว ยิ่งกรณี ของประเทศไทยยิ่งไม่ฟื้นเร็วกว่าคนอื่นเพราะมีข้อจำกัดหลายด้านที่ทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ที่สุดในภูมิภาคนี้ และแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งหลังปีนี้น่าจะแย่กว่าครึ่งปีแรก
พร้อมกับกล่าวพาดพิงถึงนโยบายการเงินที่ไม่พยุงเศรษฐกิจ โดยไม่สามารถ แก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งและไม่สามารถดูแลให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ได้
ต่อข้อวิพากษ์ประเด็นค่าเงินบาทดัง กล่าว ผู้ว่าการธปท. ดร.ธาริษา วัฒนเกส ออกมายืนยันว่า ที่ผ่านมาธปท.พยายามดูแลให้ค่าเงินบาทเกาะกลุ่มไปกับประเทศ คู่ค้าคู่ขายมาต่อเนื่อง ซึ่งจะเอาความรู้ สึกมาพูดไม่ได้ ต้องเอาข้อมูลมาดูกัน
พร้อมกับชี้แจงถึงการดูค่าเงินบาทว่าจะดูเปรียบเทียบเพียงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯไม่ได้ แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวแข็งค่าขึ้น ซึ่งก็สอด คล้องกับเงินสกุลอื่นๆ
ในภูมิภาคที่ปรับตัวแข็งขึ้น แต่ค่าเงินบาทปรับ ตัวแข็งค่าขึ้นในอัตราที่น้อยสุด
ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของการกลับมามีเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ฉะนั้นนักลงทุนจึงยังไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากนัก ดังนั้นเมื่อ มีข่าวดีก็จะมีปฏิกิริยาแบบหนึ่ง ข่าวร้ายออกมาก็มีปฏิกิริยาแบบหนึ่ง มันจะมีความผันผวน
เมื่อดูว่าค่าเงินเสียเปรียบคู่ค้าคู่ขายของเราหรือไม่ คำตอบคือไม่ เรายังเกาะกลุ่มกับประเทศต่างๆอยู่ และที่ผ่านมาธปท.พยายามดูแลให้ค่าเงินเกาะกลุ่มไปกับประเทศคู่ค้าต่อเนื่อง ซึ่ง จะเอาความรู้สึกมาพูดไม่ได้ ต้องเอาข้อ มูลมาดูกัน และขณะนี้ค่าเงินที่แข็งขึ้น ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ส่วนหนึ่งก็มาจาก ดุลการค้า แล
