กกร.บี้รัฐกำหนดโครงการด้านสวล.ที่ทำได้ภายใต้ ม.67

กกร.บี้รัฐกำหนดโครงการด้านสวล.ที่ทำได้ภายใต้ ม.67

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ว่าประเด็นการหาข้อสรุปประเด็นสิ่งแวดล้อมตามมาตรา 67 รัฐธรรมนูญ 2550 ที่อยู่ระหว่างการให้กระทรวงอุตสาหกรรมสรุปบัญชีโครงการและกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจัดทำเรื่องหลักเกณฑ์การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ล่าสุดกฤษฎีกาได้ตีความให้โรงงานที่อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากกรมโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม สามารถดำเนินกิจการได้ทันที อย่างไรก็ตามกกร.อยากให้ให้ภาครัฐกำหนดและประกาศออกมาว่ามีรายชื่อประเภทโครงการใดบ้างที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม และมีโครงการใดที่สามารถจะดำเนินงานได้ โดยเรื่องดังก่าวจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.)วันที่ 19 สิงหาคมที่จะถึงนี้ นายสันติกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุม กกร.จะเสนอให้ยกจัดเก็บภาษี เครื่องปรับอากาศขนาด 72,000 บีทียู มีการจัดเก็บเฉพาะภาษีสรรพสามิตรอยู่ที่ 15% เพราะการยกเลิกจัดเก็บภาษีเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับเครื่องปรับอากาศจากต่างประเทศที่ขายในประเทศไทยได้ นอกจากนี้ยังมีกรณีของราคาน้ำบาดาลที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 8 บาทต่อยูนิต โดยที่ประชุมกกร.เห็นสมควรให้ราคาน้ำดาลควรลดลงมาอยู่ที่ 4-4.50 บาทต่อยูนิต ตามการวิจัยถึงราคาที่เหมาะสมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นายดุสิต นนทะนคร ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ที่ประชุมควสมควรเสนอ กรอ.จัดตั้งสภาอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย เพื่อดูแลอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศและสนับสนุนการรับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ในต่างประเทศต่อไป นอกจากนี้หอการค้าต่างประเทศยังมีความเป็นห่วงเรื่องอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่มีการจัดเก็บในอัตราที่สูง โดยบริษัททั่วไปจัดเก็บอยู่ที่ 30% ส่วนบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯจัดเก็บอยู่ที่ 25% โดยกกร.จะเสนอในที่ประชุม กรอ.ลดอัตราภาษีดังกล่าวลงเพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติ

"รัฐบาลต้องดูว่าหากลดภาษีจะสามารถจัดเก็บรายได้เท่าไหร่ และมีรายได้ลดลงจากจำนวนเดิมเท่าไหร่ จากนั้นควรมาเปรียบเทียบกับรายได้ลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่นำเงินเข้ามาลงทุนในไทยนายดุสิตกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook