คอราซอน อาคีโน

คอราซอน อาคีโน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ต่อสู้กับมะเร็งร้ายมาได้ปีกว่า ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ให้มัน นางคอราซอน คอรี อาคีโน ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฟิลิปปินส์ และคนแรกของเอเชีย ก็ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ เมื่อเวลาตีสามสิบแปดนาที ของเช้าตรู่วันเสาร์ที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มากาตี ในเมือง หลวงกรุงมะนิลา

24 มี.ค. 2551 ครอบครัวอาคีโนแถลงข่าว แพทย์ตรวจพบคอราซอน อาคีโน เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะสุดท้าย และเมื่อวินิจฉัยตามอาการของโรคแล้ว น่าจะมีชีวิตอยู่ดูโลกได้อีกไม่เกิน 3 เดือน

แต่เธอก็อยู่มาได้ปีกว่า นับจากวันนั้น ซึ่งเธอและครอบครัวตัดสินใจรับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด แต่อย่างที่บอก ตอนเธอรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง โรคร้าย ก็เกาะกินระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายแล้ว

มาเรีย คอราซอน โคฮวงโก อาคีโน เกิดวันที่ 25 ม.ค. 2476 ในครอบครัวคนเชื้อสายจีน โดยตระกูลโคฮวงโกของเธอเป็นหนึ่งในตระกูลร่ำรวยที่สุดของประเทศ พื้นเพอยู่ที่จังหวัดทาร์ลัคบนเกาะลูซอน เธอเป็นลูกคนที่ 6 ของพี่น้องทั้งหมด 8 คน ครอบครัวเป็นชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เหมือนประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ (81%)

วัยเด็กเธอเข้าเรียนในโรงเรียนสำหรับลูกหลานคนร่ำรวยระดับไฮโซในมะนิลา จนจบมัธยมต้นแล้วไปต่อมัธยมปลายที่อเมริกา และเรียนต่อมหาวิทยาลัยในคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาฝรั่งเศสและโทคณิตศาสตร์ จบการศึกษาได้ปริญญาตรีในปี 2496 ตอนนั้นใฝ่ฝันจะเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ และเป็นล่ามแปลภาษา

เดินทางกลับฟิลิปปินส์ มาเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยฟาร์ อีสเทิร์น แต่เรียนยังไม่จบ ก็พบรักกับนักการเมืองหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงในตอนเบนิโญ นินอย อาคีโน จูเนียร์ ลูกชายของอดีตประธานรัฐสภาฟิลิปปินส์ ซึ่งในที่สุดเธอก็เลิกเรียนกลางคัน และแต่งงานกับ นินอย เมื่อปี 2497 จากนั้นเธอก็ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเดียวมาตลอด เลี้ยงดูลูกและคอยต้อนรับเพื่อนนักการเมืองของสามีที่มาเยี่ยมเยือนไม่เคยขาด โดยทั้งคู่มีทายาท 5 คนเป็นหญิง 4 คนและลูกชาย 1 คน

นินอยกลายเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มต่อต้าน ท้าทายอำนาจของเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เลยถูกหมายหัวเอาชีวิต โชคดี (ชั่วคราว) ที่รัฐบาลสหรัฐ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในยุคของประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ยื่นมือเข้ามาช่วย มาร์กอสยอมให้นินอยหอบครอบครัวหนีไปลี้ภัยที่สหรัฐในปี 2523 โดยปักหลักอยู่ที่เมืองบอสตัน

อยู่ได้ไม่นานนินอยทนกลิ่นการเมืองไม่ไหว หวนคืนกลับประเทศ โดยทิ้งครอบครัวไว้ที่อเมริกา โดยหารู้ไม่ว่าจะเป็นการจากกันครั้งสุดท้าย นินอยก้าวลงบันไดเครื่องบิน บนลานจอดสนามบินกรุงมะนิลาเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2526 ถูกมือปืนนิรนามบุกยิงเสียชีวิตคาที่ นอนหงายแน่นิ่งบนรันเวย์

เหตุการณ์ครั้งนั้นแม้จะเป็นปริศนา แต่ชาวฟิลิปปินส์รู้กันทั้งประเทศว่าใครเป็นคนบงการ

การเสียชีวิตของสามี ทำให้เธอจับพลัดจับผลูโดดเข้าสู่การเมืองเต็มตัว ซึ่งตอนนั้นคณะทหารในกองทัพเริ่มไม่พอใจ และหาทางโค่นล้มมาร์กอส และบังเอิญคอรีกำลังได้รับความเห็นใจสงสารจากประชาชน จึงถูกเลือกให้เป็นหัวหอกพลเรือนสู้กับเผด็จการมาร์กอส

เมื่อกองทัพหนุนหลัง การปฏิวัติพลังประชาชนครั้งใหญ่จึงสามารถโค่นล้มระบอบมาร์กอส ที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จยาวนานถึง 20 ปีได้สร็จ คอราซอน อาคีโน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 11 ของประเทศ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2529 และครองอำนาจมาจนครบวาระถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2535

ก่อนรับตำแหน่งผู้นำประเทศ เธอให้ สัมภาษณ์ตามตรงโดยไม่อายว่า ไม่มีความรู้แม้แต่นิดว่าประธานาธิบดีมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง

ตลอดช่วง 6 ปีของการนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศ เธอรอดพ้นความพยายามก่อรัฐประหารของทหารในกองทัพถึง 7 ครั้ง การทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดี โดยภาพรวมถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ

ไม่โดดเด่นเหมือนการเคลื่อนไหว ระดมมวลชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แม้เมื่อตอนพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เธอก็ยังเข้าร่วมกิจกรรมอย่างแข็งขันมาตลอด เช่นการเดินขบวนต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประธานาธิบดี ฟิเดล รามอส ที่ครองอำนาจต่อจากเธอ และเดินขบวนขับไล่อดีตประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดา จนร่วงจากเก้าอี้ในปี 2544

แม้แต่ประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ผู้นำหญิงคนปัจจุบัน นางอาคีโนก็อยู่ในกลุ่มต่อต้าน และร่วมขบวนขับไล่มาหลายรอบ แต่ยังไม่สำเร็จ จนกระทั่งมาล้มป่วยจนต้องปลีกตัว และจากไปในที่สุด.

เลนซ์ซูม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook