มาร์คนำทีมครม.แถลงผลงาน 6 เดือนรัฐบาล

มาร์คนำทีมครม.แถลงผลงาน 6 เดือนรัฐบาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี แถลงผลงานรัฐบาล 6 เดือนที่ผ่านมา ว่า ช่วง 6 เดือนแรกหลังเข้ารับหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน อยากให้ทุกคนได้นึกย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เดือนธ.ค. 2551 เป็นช่วงเวลาที่ผมเชื่อว่าทุกคนในสังคมมีความทุกข์ วิตกกังวลทั้งเศรษฐกิจที่ลุกลามจากต่างประเทศ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วและตัวเลขเศรษฐกิจที่ติดลบ และที่สำคัญคือวิกฤตการเมืองและผู้คนในสังคมที่ขัดแย้งทวีความรุนแรงต่อเนื่องมาหลายปี ที่แย่ยิ่งกว่าคือนอกเหนือจากความทุกข์จาก 2 วิกฤตแล้ว วันนั้นเรามองไม่เห็นทางออก ไม่มีใครกล้าตั้งความหวังว่าประเทศไทยจะเดินไปทางใด ผมและรัฐบาลเข้ามารับหน้าที่ รู้ว่าวิกฤติแก้ไม่ง่าย ต้องถือว่ารุนแรงมากเมื่อเทียบกับครั้งอื่นๆในประวัติศาสตร์ ฉะนั้นที่ให้สัญญาว่าจะทุ่มเทงานหนัก ยึดมั่นผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เป้าหมายของรัฐบาลคือความสุขของประชาชนไทย ในการกำหนดนโยบายยึดถือเอาที่แถลงต่อรัฐสภา กลั่นกรองจากนโยบายของทุกพรรค

6 เดือนแรกผ่านไป นโยบายเหล่านั้นถูกแปรสภาพมากว่า 100 มาตรการ นำไปสู่อีกหลายล้านความสุข นำไปสู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมเปรียบเทียบเสมอว่าเหมือนเข้าไปแก้อาคารที่กำลังถูกไฟไหม้ งานแรกต้องช่วยเหลือคนที่อยู่ในอาคาร คือคนที่อ่อนแอที่สุด ที่จะต้องรับผลกระทบจากวิกฤต งานที่สองดับไฟคือการแก้ปัญหาให้ตรงจุด และงานที่ 3 คือการสร้างความแข็งแกร่งออกด้วยการแบบอาคารใหม่ให้สามารถเป็นที่อยู่อาศัยที่ทุกคนมีความสุข มั่นคงและมั่นคงในการเผชิญอนาคต

ทุกมาตรการได้จัดลำดับให้เกิดความสม่ำเสมอต่อเนื่อง ทำข้อที่ 1 ต้องแก้ข้อ 2 และ3 ต่อเนื่องไป ไม่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า อยากเริ่มต้นด้วยการสรุปงานสำคัญที่ประสบความสำเร็จแล้วใน 6 เดือนแรก หลายเรื่องถือเป็นคำมั่นสัญญาทั้งจากการหาเสียง ซึ่งขอยืนยันว่าคำมั่นสัญญาหลายอย่างที่ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าปรากฏผลเป็นรูปธรรม

เริ่มจากการช่วยเหลือคน กลุ่มแรกที่ช่วยชัดเจนคือ เด็ก เยาวชนและผู้ปกครอง โครงการบรรเทาจากภาวะเศรษฐกิจ โดยลงทุนในด้านการศึกษา ด้านนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ที่เด็กของเราได้รับประโยชน์ 12 ล้านคน ถือเป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรม ทั้งในเรื่องของตำราเรียน เครื่องแบบ พร้อมๆกับการลดรายการที่มีการเรียกเก็บ โดยเฉพาะบริการพื้นฐานทางการศึกษา งานนี้ควรจะทำนานแล้ว กฎหมายบังคับให้ทำตั้งแต่ปี 2545 แต่ยังไม่ดำเนินการจริงจัง ขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการ ที่ทางปฏิบัติยุ่งยากแต่ก็ทำสำเร็จเมื่อต้นปีการศึกษาหรือเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

กลุ่มผู้สูงอายุ เราบอกว่าผู้สูงอายุควรได้รับการตอบแทนจากสังคม นโยบายจากเบี้ยยังชีพ 500 บาทต่อเดือน ภายใน 6 เดือน กำหนดให้ขึ้นทะเบียน ยกเว้นผู้มีบำนาญแล้ว มีคนมาใช้สิทธิ์ 3.5 ล้านคน เงินเบี้ยยังชีพ จ่ายเป็นรายเดือน และจะเดินหน้าตลอดไป ทั้งจะขึ้นทะเบียนรอบใหม่ในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้

กลุ่มเกษตรกร จริงอยู่นโยบายการช่วยเหลือไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้เพราะคาบเกี่ยวฤดูการเพาะปลูก ที่ผ่านมาเราเกิดปัญหาการแทรกแซงราคาพืชผล พยาายามแก้ไขด้วยการการประกันราคาพืชหลัก จนถึงผลไม้ตามฤดูกาลต่างๆ โดยได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว เกษตรกร 1.5 ล้านครัวเรือนได้ประโยชน์จากตรงนี้

คนว่างงาน โครงการต้นกล้าอาชีพ ซึ่งจนถึงขณะนี้มีผู้ผ่านการอบรมกว่า 2 แสนคน สามารถสร้างงานกว่า 1.4 แสนคน รวมทั้งอีก 2 หมื่นคนที่อยู่ในส่วนของโครงการชลอการเลิกจ้าง และโครงการที่กระทรวงแรงงานที่ดำเนินการ เช่น 3 ลด 3 เพิ่ม ชลอการเลิกจ้าง ฯลฯ

คนทั่วไป ดำเนินการลดภาระค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชน 5 มาตรการ ตรึงราคาก๊าซหุงต้มให้ต่อเนื่อง การลดและให้ใช้น้ำไฟฟรีสำหรับผู้ใช้เป็นจำนวนน้อย ช่วยลดภาระ 8 ล้านครัวเรือนสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้า และต่ำกว่า 8 ล้านครัวเรือนสำหรับผู้ใช้น้ำ การใช้บริการรถเมล็รถไฟฟรี ที่กระทรวงคมนาคมเดินหน้าสานต่อให้บริการฟรี มีผู้ได้ใช้ประโยชน์แล้วเดือนละ 13 ล้านเที่ยวสำหรับรถเมล์ 3 ล้านเที่ยวต่อเดือนสำหรับรถไฟ สำหรับผู้มีรายได้น้อยเราก็มีโครงการเช็คช่วยชาติ 9 ล้านคน พร้อมกับการเสริมโครงการเศรษฐกิจชุมชนพอเพียงที่มีกว่า 3 หมื่นโครงการ

ในส่วนของภาคเอกชนขอไม่เล่ามาตรการต่างๆทั้งภาคการท่องเที่ยว การค้าการลงทุนที่ครม.เศรษฐกิจร่วมทำงานกันเป็นทีม แต่ยืนยันว่าการปล่อยสินเชื่อในภาคเอกชนเริ่มปล่อยในอัตราเร่งที่สูงขึ้นทุกเดือนๆ นอกจากนี้แล้วนโยบายบางเรื่อง เช่นอาสาสมัครสาธารณสุขทั่วประเทศเกือบ 1 ล้านคนที่ได้ค่าตอบแทนคนละ 600 บาทต่อเดือน จะเห็นว่าเราทำเพื่อคนไทยทุกภาคทุกคนเพื่อบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรง

และแม้ว่าผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมาจะยังไม่ทำให้ภาคเศรษฐกิจขยายเป็นบวก แต่ช่วยส่งผลภาพรวม เราไม่หยุดเท่านั้นเราเดินหน้าต่อทันทีด้วยการแก้และกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกับเพิ่มความเข้มแข็งให้กับประเทศ เราได้ทำแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ด้วยการระดมทุนจากเงินฝากของประชาชน ที่มาซื้อพันธบัตรไทยเข้มแข็งและกู้เงินจากแหล่งการเงินภายในประเทศ ไม่ได้ก่อหนี้จากต่างประเทศแต่อย่างใด ปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเรากำลังวางรากฐาน หลายปีที่ผ่านมาโครงสร้างประเทศเราเสื่อมโทรมไปมาก โครงการไทยเข้มแข็งจะครอบคลุม 7 ด้าน การเกษตร ด้วยการสร้างและปรับปรุงแหล่งน้ำ 7,500 แห่งทั่วประเทศ ด้านการขนส่ง คมนาคม โลจิสติกส์ ปรับปรุงระบบราง การลงทุนครั้งใหญ่ในส่วนรถไฟ ที่กระทรวงคมนาคมจะทำเต็มที่ทั้งในกรุงเทพฯและภูมิภาค เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไปมาหาสู่และกระจายสินค้าให้เข้าถึงตลาดมากขึ้น โครงการถนนไร้ฝุ่น ถนนปลอดภัยทุกชุมชุม

การศึกษา จะยกระดับคุณภาพโรงเรียนกว่า 8,000แห่ง ปรับปรุงห้องสมุด ปฏิรูปการศึกษา ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ยกเครื่องการสอบคัดเลือกต่างๆ การสาธารณสุข จะยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพอนามัยทั่วประเทศ พัฒนาสถานพยาบาล รักษาโรคหัวใจ มะเร็ง ที่ทำให้คนไทยต้องเสียชีวิต เจ็บป่วย การวิจัยห้องแล็บ ฯลฯ การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว และการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ เกือบ 400 โครกงาร สนับสนุนอุตสหากรรมฮาลาลครบวงจร การปลูกปาล์มน้ำมัน การเพิ่มรายได้ต่อหัว 60,000 บาทต่อคนต่อปี การปรับนโยบายชัดเจน โดยเฉพาะการเน้นเรื่องยุติธรรม การพัฒนา และการเมืองนำการทหาร ส่วนในเรื่องของกฎหมายที่จะพยายามต่อไปคือ ซึ่งได้ตั้งรัฐมนตรีเพื่อดูแลชายแดนใต้เพื่อจะได้ผลักดันกฎหมายเป็นการเฉพาะ

ในภาพรวมวันนี้หลังจากทำงานไปแล้ว 6 เดือน ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในอดีต เราเปรียบเทียบปีต่อปี แต่ในภาวะวิกฤตที่ผันผวน การดูแนวโน้มต้องดูเดือนต่อเดือน ซึ่งเห็นภาพชัดเจนว่ากำลังส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร จีดีพีเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ถ้าดูจากตัวเลขจะเห็นว่าเราผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และมีอัตราขยายตัวที่เร่งขึ้นพอสำคัญ แบบรวดเร็ว ลงเร็วและแตะขึ้นค่อนข้างเร็ว ดรรชนีผลผลิตอุตสาหกรรมมีสัญญาณฟื้นตัว ดรรชนีการอุปโภค บริโภคของภาคเอกชน ก็เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น รายได้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มก็เห็นความฟื้นตัว ตัวเลขการส่งออก ดรรชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหรรม ยอดขายรถยนต์ จักรยายยนต์เป็นแนวโน้มเดียวกันหมด

6 เดือนที่ผานมาใช้เวลาในการสื่อสารกับต่างประเทศที่เห็นแต่ข่าวร้าย สามารถดำเนินการหลายเรื่องทั้งการเป็นประธานอาเซียน ตัวแทนของภูมิภาคในเวทีโลก เหตุการณ์เดือนเมษายนเป็นปัญหา และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ก็ยังเป็นจุดที่เราต้องเดินหน้าแก้ไขภาพลักษณ์ต่อไป แต่ขอสรุปว่า ทั้งหมดเป็นการทำงานที่มุ่งไปสู่ประชาชนและภาพรวมของประเทศสังคมอย่างมีแผนทิศทางที่ชัดเจน มั่นใจว่าในอนาคตข้างหน้าเราได้ผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายที่สุดและกำลังกลับเข้าสู่การฟื้นตัวอย่างแท้จริง

สิ่งที่สัญญาและทำไปแล้วมีหลายเรื่อง และกำลังจะทำต่อไปอีก ได้แก่ ระบบสวัสดิการประชาชน เริ่มโครงการสวัดิการชุมชน เรากำลังขยายประกันสังคมครอบคลุมทั้งระบบครอบครัว แรงงานนอกระบบ การออมสำหรับคนชราภาพ ต่อไปจะได้พูดได้ว่าไม่ใช่มีแต่ข้าราชการจะมีหลักประกันบำนาญ คนไทยจะได้สิทธิ์ตรงนี้ทั้งหมด และไม่เพียงแต่สวัสดิการเท่านั้นปัญหาในเชิงโครงสร้งพื้นฐาน ความไม่เป็นธรรมก็จะได้รับการสะสาง เช่นปัญหาที่ทำกิน เราจะนำระบบโฉนดชุมชนมาใช้เป็นทางแก้ โครงการบ้านมั่นคง ปรับปรุงระบบภาษีที่ดินให้เป็นธรรมมากขึ้นปรับปรุงภาษีที่ดินนำมาปรับปรุงสร้างธนาคารที่ดิน

สำหรับพี่น้องเกษตรกรจะปรับเปลี่ยนการแทรกแซงราคาพืชผลครั้งใหญ่ โดยจะปรับเป็นระบบประกันราคา รายได้ ให้เกษตรกรมากขึ้นโดยจะมีการจดทะเบียนชัดเจน ซึ่งเริ่มแล้วในส่วนของมันสำปะหลัง ข้าวโพด นำไปสู่ของการช่วยเหลือเกษตรกร การสะสางความมั่นคงในการจัดหาพลังงานส่งเสริมพลังงานทดแทน การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน งานเหล่านี้เริ่มแล้วทั้งสิ้น ต่อจากนี้ไปผมจะหยิบเป็นเรื่องๆและประชุมกลุ่มเล็กๆเพื่อให้สานต่อโครงการด้วยความรวดเร็ว อย่างในวันนี้จะประชุมแก้ปัญหาราคาน้ำมันที่ตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ทั้งหมดดำเนินไปพร้อมกับการแก้ปัญหาอื่นทั้งการเมือง สังคม ตัวเลขการปราบยาเสพติด เราไม่ใช้วิธีนอกกฎหมาย เราได้จับมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา และคนที่ถูกจับเป็นรายใหญ่ เแสดงให้เห็นว่าเราเอาจริงเอาจังในการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดอย่งเต็มที่

สำหรับปัญหาการเมือง ความขัดแย้งยังไม่หมด ความแตกต่างทางความคิดไม่หมดไป เราจึงต้องสร้างสังคมประชาธิปไตย แต่อยากยืนยันว่าสิ่งที่พูดตั้งแต่วันแรกในเรื่องการปกป้องสถาบันหลัก การสร้างสมานฉันท์เราทำอย่างเต็มที่บนความรอบคอบระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่อยากเห็นความขัดแย้งบานปลาย กำหนดจุดของความพอดีและและแสดงออกอย่างชดัเจน อะไรเป็นสิทธิเสรีภาพที่แสดงออกสามารถทำได้แต่เมื่อใดทำผิดกฎหมายจะใช้ความเด็ดขาด จริงจัง เหตุการณ์เดือนเมษายนยืนยันอย่างดีในแนวคิดและปฏิบัติของรัฐบาล ยืนยันว่าผมเคารพความแตกต่างในความคิดเห็น แม้ความขัดแย้งยังมีอยู่แต่แนวทางที่รัฐบาลยึดถือมา รวมทั้งการทำงานร่วมกับระบบรัฐสภาจะเป็นคำตอบให้สังคมได้ในที่สุด

อยากจะเรียนว่างานทั้งหลายที่พูดมาต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นพิเศษในหลายต่อหลายเรื่อง ที่ผ่านมามีหลายเรื่องต้องปรับปรุง สื่อมวลชนเสนอแนะก็พร้อมรับฟังและแก้ไข แนวทางความซื่อสัตย์ก็ยังยืนยันเต็มร้อย ยืนยันว่าเราจะทำงานอย่างจริงจังตรงไปตรงมา ขอให้มั่นใจ เพราะแนวทางนี้จะเป็นทางออกสำหรับประชาชนคนไทยและประเทศไทย ขอขอบคุณและสัญญาว่าการทำงานของผมและคณะรัฐมนตรีจะหนักขึ้น แข่งกับเวลามากขึ้น ต้องทำเรื่องยากๆที่เกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างระยะยาวมากขึ้น และยึดถือประโยชน์ของประชาชนและหลักการประชาธิปไตยและความซื่อสัตย์เป็นธงนำในการดำเนินการต่อไป ทั้งหมดเป็นคำสัญญาที่จะทำให้สำเร็จต่อประชาชนคนไทยทุกคน ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดอ่อนที่คิดว่ารัฐบาลต้องปรับปรุงคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดอ่อนที่ต้องปรับปรุงมีเยอะ ระบบการทำงานรัฐบาลในปัจจุบันมีหลายครั้งที่ข่าวสารออกไปโดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งของคนในรัฐบาล ไม่ควรให้ออกไป เราไม่มีข้อแก้ตัวได้เลย การที่เรามาทะเลาะกันเองไม่มีประโยชน์ ต้องปรับปรุง และปัญหาการเมือง เราพยายามใช้แนวทางที่ดีที่สุดแต่ก็มีผิดพลาดไปบ้าง เช่นเหตุการณ์เดือนเม.ย. ยอมรับว่าผิดพลาด คิดว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดัง ตอนแรกคิดว่าถ้ารัฐบาลไม่ทะเลาะก็จะไม่มีการใช้ความรุนแรงถึงขั้นเสียหายถึงต่างประเทศ ต่อไปก็ต้องปรับปรุงและระมัดระวังมากขึ้น และในขณะนี้ที่ปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวยังมีอยู่ ผมก็ยังไม่สบายใจ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ละเลย

ผู้สื่อข่าวถามความคืบหน้าในการนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดี ว่า ความจริงเป็นเรื่องปกติที่ต้องบังคับกฎหมายให้เกิดความเสมอภาค จริงๆแล้วไม่เจาะจงบุคคลใด ขนาดบุคคลทั่วไป หรือนักธุรกิจที่หลบหนีออกไปต่างประเทศก็เป็นเรื่องยากที่จะติดตามกลับ เพราะต้องประสานความร่วมมือทางสากล และดูข้อกฎหมาย แต่ถามว่าเอาจริงเอาจังในการรักษากฎหมายหรือไม่ สังเกตอยู่ว่าจะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญา และที่ๆเราไม่มีสถานทูตมากขึ้น เป็นการบ่งบอกชัดเจนว่าจะเรารักษากฎหมายอยู่บนความพอดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook