ตั้งคณะทำงานโต้อียูขึ้นภาษีไก่ ไทยเตรียมขอชดเชยเพิ่มโควตาส่งออกไก่ต้มสุก

ตั้งคณะทำงานโต้อียูขึ้นภาษีไก่ ไทยเตรียมขอชดเชยเพิ่มโควตาส่งออกไก่ต้มสุก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พาณิชย์วางกรอบเจรจาชดเชยอียูขึ้นภาษีไก่แปรรูป8รายการหวังขยายโควตาไก่ต้มสุกเตรียมเสนอครม.ยื่นกรอบเจรจา6รายการให้รัฐสภาพิจารณาตามม.190ภายใน14ก.ย.นี้ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานกรณีสหภาพยุโรปแจ้งต่อองค์การการค้าโลก(WTO)เพื่อขอขึ้นภาษีสินค้าสัตว์ปีกแปรรูป8รายการว่าเมื่อวันที่6ส.ค.นาสมเกียรติตรีรัตนพันธ์รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เป็นประธานในการประชุมร่วมด้วยตัวแทนจากภาคเอกชนปรากฏที่ประชุมมีความเห็นว่าจะต้องมีการตั้งคณะทำงานประสานงานกันเรื่องกรอบการเจรจาขอชดเชยการปรับเปลี่ยนตารางข้อผูกพันในสินค้า6พิกัดเพื่อกำหนดกรอบแนวทางเจรจาเสนอนางพรทิวานาคาศัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก่อนเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)และการพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา190แห่งรัฐธรรมนูญซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการให้ทันวันที่14ก.ย.นี้โดยไทยจะยื่นขอเจรจาเพื่อชดเชยความเสียหายไก่6รายการจาก8รายการเพราะเป็นสินค้าที่มีส่วนแบ่งการตลาดไปอียูมากจึงจะได้รับผลกระทบจากการปรับภาษีทั้งนี้หากกระบวนการทั้งหมดไม่ทันวันที่14ก.ย.อียูอาจจะเจรจากับบราซิลก่อนซึ่งอาจจะมีผลต่อการเจรจาของไทยหากไทยและอียูสามารถตกลงกันได้จะมีการแก้ไขตารางข้อผูกพันแต่หากตกลงกันไม่ได้อียูจะมีสิทธิแก้ไขตารางข้อผูกพันได้ทันทีแต่ไทยก็จะสามารถถอนสิทธิประโยชน์จากอียูได้ในระดับที่เท่ากันเช่นการใช้มาตรการตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากอียูชนิดอื่นเช่นไวน์เหล้าแต่ก็ต้องขึ้นภาษีกับประเทศอื่นเท่ากันซึ่งก็อาจมีผลกระทบต่อไทยอีกส่วนการขอเจรจาขอชดเชยจะเน้นโควตาเดิมที่สหภาพยุโรปให้กับไทยในหมวดสินค้าไก่ต้มสุกซึ่งขณะนี้มีการใช้สิทธิส่งออกเต็มโควตาที่ให้ไว้ปีละ1.65แสนตันแล้วส่วนกรณีที่จะสามารถเพิ่มโควตาหรือขอปรับลดโควตาในส่วนของไก่หมักเกลือซึ่งไม่มีการส่งออกมาเป็นไก่ต้มสุกแทนนั้นคงต้องมีการหารือกันอีกครั้งหากไม่ได้อาจจะต้องนำไปเจรจาในความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)กับอียูแทนซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณว่าจะมีการเจรจาทวิภาคีหรือไม่คณะทำงานประกอบด้วยนายสมเกียรติตรีรัตนพันธ์รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นประธานและตัวแทนจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกรมการค้าต่างประเทศกรมปศุสัตว์สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกระทรวงการคลังและตัวแทนจากภาคเอกชนคณะทำงานขอบเขตหน้าที่ในการกำหนดรายละเอียดแนวทางในการเจรจาให้เป็นประโยชน์ภาพรวมต่อการค้าสินค้าสัตว์ปีกแปรรูปเพื่อรักษาสถานะการค้าปัจจุบันโดยจะต้องคำนึงถึงศักยภาพในการผลิตการส่งออกและผลประโยชน์ภาพรวมรวมถึงให้เกิดการชดเชยความเสียหายอันอาจจะส่งผลต่อการค้าปัจจุบันและขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับสินค้าที่ยื่นขอเจรจาขอชดเชยใน6รายการได้แก่เนื้อไก่แปรรูปสัดส่วนมากกว่า25%แต่ไม่เกิน57%พิกัด16023230,เนื้อไก่แปรรูปสัดส่วนเนื้อน้อยกว่า25%พิกัด16023290,เนื้อเป็ดห่านไก่กินีแปรรูป(ดิบ)สัดส่วนเนื้อมากกว่า57%พิกัด16023921,เนื้อเป็ดห่านไก่กินี(ปรุงสุก)สัดส่วนเนื้อมากกว่า57%พิกัด16023929,เนื้อเป็ดห่านไก่กินีแปรรูปสัดส่วนเนื้อมากกว่า25%แต่ไม่เกิน57%พิกัด16023940และเนื้อเป็ดห่านไก่กินีแปรรูปสัดส่วนเนื้อน้อยกว่า25%พิกัด16023980เท่านั้นเพราะไทยมีส่วนแบ่งการส่งออกไปอียูมากนางมนูญศรีโชติเทวัญประธานคณะบริหารบริษัทสหฟาร์มจำกัดกล่าวว่าการขึ้นภาษีคงไม่กระทบต่อการส่งออกของบริษัทในปีนี้โดยปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้7-8หมื่นตันทั้งนี้คาดว่าผลการเจรจาชดเชยในรูปของโควตาจะเริ่มมีผลในปี2553ทั้งนี้บริษัทยังมองทิศทางการส่งออกในปี2553อยู่ในเกณฑ์ดียังมีปัจจัยบวกอื่นซึ่งจะช่วยให้การส่งออกเพิ่มขึ้นได้ถึง1แสนตันเพราะได้รับการสนับสนุนจากโครงการThailandBestFriendที่รวมถึงบริษัทยังได้คำสั่งซื้อเพิ่มจากกลุ่มลูกค้าเดิมทั้งตลาดสหภาพยุโรปญี่ปุ่นเกาหลีและตะวันออกกลางก็ให้ความสนใจที่จะซื้อสินค้าจากไทยแทนการซื้อสินค้าจากบราซิลปัจจุบันไทยมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าไก่ปรุงสุกอย่างมากโดยภาพรวมน่าจะขยายตัวเป็น3.5แสนตันจากปีก่อน3.4แสนตันโดยเฉพาะในตลาดสหภาพยุโรปที่ไทยได้รับโควตาไก่ปรุงสุกภายหลังจากการเจรจาของชดเชยการขึ้นภาษีเมื่อปี2549ปริมาณปีละ1.65แสนตันซึ่งไทยสามารถส่งออกได้ถึง1.5แสนตันขณะที่ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งที่มีโควตาปริมาณ1แสนตันนั้นยังไม่มีการส่งออกเพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบรับรองมาตรฐานโรงงานปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook