ไทยเข้มแข็งจะสรุปโครงการล็อตแรก-เปิดเว็บติดตาม กรณ์ชี้ศก.มะกันฟื้น สปส.รับลูกคุ้มครองคู่สมรส-บุตร

ไทยเข้มแข็งจะสรุปโครงการล็อตแรก-เปิดเว็บติดตาม กรณ์ชี้ศก.มะกันฟื้น สปส.รับลูกคุ้มครองคู่สมรส-บุตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กก.กลั่นกรองไทยเข้มแข็งเตรียมสรุปโครงการ งบฯ ล็อตแรก 17 ส.ค. พร้อมเปิดเว็บไซต์ให้ติดตาม กรณ์เชื่อ ก.ย.-ต.ค.เริ่มประมูลได้ เร่งกระจายเงินเข้าระบบ ชี้เฟดคงดอกเบี้ยนโยบาย สะท้อน ศก.มะกันฟื้นตัวชัดเจน บอร์ด สปส.รับลูกขยายคุ้มครองคู่สมรส-บุตร นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมว่า กระทรวงการคลังเสนอของบประมาณโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ล็อตแรกปี 2553 ไปยังสำนักงบประมาณแล้ว โดยอยู่ภายใต้วงเงิน 1.06 ล้านล้านบาท โดยในวันที่ 17 สิงหาคม คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการไทยเข้มแข็งจะสรุปโครงการที่จะได้รับอนุมัติเงินลงทุนภายใต้กรอบวงเงินดังกล่าว เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 28 สิงหาคม กระทรวงการคลังจะเปิดตัวเว็บไซต์ โครงการไทยเข้มแข็งอย่างเป็นทางการภายใต้เว็บไชต์ www.tkk2555.com โดยจะระบุทุกโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินลงทุนลงในเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนติดตามและตรวจสอบได้ ซึ่งจะเริ่มประมูลโครงการในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ เพื่อให้เงินกระจายเข้าสู่ระบบต่อไป โดยจะเป็นการใช้วงเงินควบคู่กับไประหว่าง พ.ร.ก.และพ.ร.บ.กู้เงิน ที่ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว โดยจะเดินหน้าในส่วนของเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ก่อน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25% ว่า สะท้อนสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น เห็นได้จกตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงาน การบริโภค แต่การฟื้นตัวยังไม่น่าไว้วางใจ มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยด้วย เนื่องจากไทยพึ่งพาการส่งออกและการนำเข้าค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อต้นทุนผู้ประกอบการ และการบริโภคในประเทศได้

นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ดูแลเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ผ่านมาตรการด้านการเงินด้วยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่นโยบายการคลังจะมีมาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและกลับมาขยายตัวได้ และมั่นใจว่าไตรมาสที่ 4 นี้ เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ จากไตรมาส 3 ที่ยังติดลบ เพราะเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสแล้วมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น แต่ทั้งปียอมรับว่า เศรษฐกิจจะยังติดลบอยู่

นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดวันเดียวกันนี้ รับทราบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังอภิปรายเรื่องการขยายความคุ้มครองสิทธิประโยชน์คู่สมรสและบุตรผู้ประกันตนกว่า 2 ชั่วโมง และเสนอให้ตั้งอนุกรรมการที่ปรึกษาในประเด็นดังกล่าว 19 คน มีตัวแทนจาก 3 ฝ่ายไตรภาคี ประกอบด้วย ผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และผู้แทนส่วนราชการ เพื่อศึกษาประเด็นสำคัญในรายละเอียดของจำนวนของคู่สมรสและบุตร ซึ่งเบื้องต้นกรมการปกครอง กระทรวมหาดไทย รายงานว่ามีทั้งหมด 5.8 ล้านคน ทั้งนี้ สปส.ได้เสนอว่าค่าใช้จ่ายจะต้องไม่ต่ำกว่าค่ารักษาพยาบาลที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้รับ และที่ประชุมได้มีมติให้จัดทำประชาพิจารณ์ 4 ภาค เพื่อให้การยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรงพยาบาลที่เข้าโครงการ

นายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการ สปส. กล่าวว่า เรื่องนี้มีการนำเข้า ครม.อย่างเร่งด่วน เป็นผลมาจาก สปส.เสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ในหลายประเด็น ซึ่งนายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เสนอว่าควรที่จะบรรจุเรื่องการขยายสิทธิให้กับคู่สมรสและบุตรของผู้ประกันตน ทั้งนี้ สปส.ได้เสนอโครงสร้างทางเลือกไว้ถึง 6 แนวทาง แต่รัฐบาลเลือกที่จะรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จึงเหลือเพียง 2 โครงสร้าง ที่อนุกรรมการ สปส.ตั้งขึ้นต้องไปพิจารณา ได้แก่ โครงสร้างที่รัฐรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งขณะนี้มีตัวเลขต้นอยู่ที่ 2,452 บาท และโครงสร้างที่จะมีการโอนเงินจาก สปสช.มาโดยตรงคือจำนวน 2,202 บาท ซึ่งเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้โจทย์ศึกษาด้วยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จำนวนเงินที่โอนมาจาก สปสช.จะต่ำกว่า 2,202 บาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook