สมเด็จฯพระราชินีพระราชทานกลวิธีสร้างนิสัยรักการอ่านและรายชื่อหนังสือน่าอ่านสำหรับเยาวชน

กระทรวงศึกษาฯจัดกิจกรรมรักการอ่านสนองพระราชเสาวณีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระราชทาน 10 กลวิธีสร้างนิสัยรักการอ่านให้แก่ประชาชน และทรงพระราชวิจารณ์ 6 หนังสือไทยที่น่าอ่านสำหรับเด็กและเยาวชน เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 สิงหาคม ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่นฮอลล์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน มหกรรมนวัตกรรมการอ่านเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสร้างเสริมนิสัยรักการอ่านในเด็กและเยาวชนไทย จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า การจัดงานนี้เป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 16 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 20.00 น. ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าวและที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 ใน 75 จังหวัดพร้อมกันทัะเทศ ซึ่งมหกรรมรักการอ่านที่จัดขึ้นนี้จะช่วยเสริมสร้างจินตนาการ และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็กและเยาวชนตลอดจนประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยจากการสำรวจเรื่องนิสัยรักการอ่าน ปี 2551 พบว่า เด็กอายุตั้งแต่6 ปีขึ้นไปอ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียนแต่เป็นหนังสือนอกเวลาเฉลี่ย 39 นาที และคนไทยทั่วประเทศอ่านหนังสือเพียง 5 เล่มต่อปี ดังนั้นการจัดกิจกรรมรักการอ่านจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยเพิ่มและสร้างนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับคนไทยได้อย่างทั่วถึง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวต่อว่า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถยังได้ทรงพระราชทาน 10 กลวิธีสร้างนิสัยรักการอ่านให้แก่ประชาชนชาวไทย ได้แก่ 1.ใช้เวลาสบายๆของครอบครัวเพื่อส่งเสริมการอ่าน 2.เลือกหนังสือดีที่เด็กสนุก 3.ให้เด็กได้รู้เรื่องราวหลากหลายจากพหุวัฒนธรรม 4.มีกิจกรรมพัฒนาทักษะการคิด 5.ใช้ทักษะนาฎกในการเล่า 6.ใช้กิจกรรมศิลปะเชื่อมโยงกับการอ่าน 7.สอนให้รู้จักสกัดความรู้และจับใจความสำคัญ 8.ต่อยอดจากประสบการณ์เดิมของผู้เรียน 9.นำเด็กสู่โลกวรรณคดี และ 10.พัฒนาทักษะไพรัชภาษาพาสู่โลกกว้าง เพื่อเผยแพร่ให้กับประชาชนได้นำไปใช้ประโยชน์ นอกจากนี้สมเด็จพระราชินีฯ ยังทรงพระราชวิจารณ์หนังสือไทยที่น่าอ่านสำหรับเด็กและเยาวชนไทยจำนวน 6 เรื่องประกอบด้วย พระอภัยมณี รามเกียรติ์ นิทานชาดก อิเหนา พระราชพิธีสิบสองเดือน และกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้ากุ้ง ซึ่งทางกระทรวงจะจัดซื้อหนังสือที่พระองค์ได้ทรงพระราชวิจารณ์เข้าห้องสมุดประชาชนและห้องสมุดของการศึกษานอกโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้อ่านหนังสือดีที่มีคุณค่ากันต่อไป