สตง.วุ่น! คำสั่ง จารุวรรณ แต่งตั้งซี 9 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สตง.วุ่น! คำสั่ง จารุวรรณ แต่งตั้งซี 9 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สตง.วุ่น! คำสั่ง จารุวรรณ แต่งตั้งซี 9 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลปกครองพิพากษาเพิกถอนคำสั่ง คุณหญิงจารุวรรณ ใช้ดุลพินิจไม่ชอบในการแต่งตั้งซี 9 สตง. ฝืนมติคณะกรรมการ-ไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ทบทวนใหม่ภายใน 30 วัน เผยคำให้การผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินอ้างอดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมายขาดคุณสมบัติ ตั้งคนใหม่เสียบแทน

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2552 ให้เพิกถอนคำสั่งของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในการแต่งตั้ง นายอภิชัย ล้อไพบูลย์ จากผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานการตรวจเเงินแผ่นดิน(สตง.)ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 เนื่องจากเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบเพราะไม่ทำตามมติคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ที่เสนอให้แต่งตั้งนายอภิชัย ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คดีดังกล่าว นายอภิชัย ล้อไพบูลย์ ผู้ฟ้องคดี ได้ยื่นฟ้อง สตง.ที่ 1 ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา)ที่ 2 ต่อศาลปกครองกลาง (มีนายชูวิทย์ นุชถาวร ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสำนักกฎหมายแทนนายอภิชัย ล้อไพบูลย์ เป็นผู้ร้องสอด)ว่า สตง.โดยคุณหญิงจารุวรรณได้ออกคำสั่ง สตง.ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2549 แต่งตั้งผู้ฟ้องคดี(นายอภิชัย ล้อไพบูลย์)ให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในและการจัดอัตรากำลังของ สตง.ใหม่โดยให้ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 (สายนักวิชาการ) จากเดิมที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย(นักบริหาร 9)ทำให้มีผลกระทบต่อสถานะและสิทธิอื่นๆของผู้ฟ้องคดีที่ควรได้รับโดยชอบและได้รับเงินประจำตำแหน่งลดลง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและเลือกปฏิบัติ ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งนายชูวิทย์ นุชถาวร ผู้ร้องสอดเป็นผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย

ประเด็นที่ศาลปกครองต้องวินิจฉัยคือ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2(คุณหญิงจารุวรรณ)พิจารณาแต่งตั้งผู้ฟ้องคดี(นายอภิชัย)ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 โดยไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งอยู่เดิมตามที่คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลฯเสนอ และได้แต่งตั้งนายชูวิทย์ผู้ร้องสอดให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่

จากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่(มีนายจีระรัตน์ นพวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นประธาน) ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ฟ้องคดี(นายอภิชัย) เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายและมีบันทึกข้อความเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2(คุณหญิงจารุวรรณ) พิจารณาดำเนินการแต่งตั้งต่อไป

กรณีจึงฟังได้ว่า คณะกรรมการดังกล่าวมีมติให้แต่งตั้งผู้ฟ้องคดี(นายอภิชัย)ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่ที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินกำหนด

ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยคุณหญิงจารุวรรณ แม้จะมีอำนาจในการแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการตามมาตรา 55 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 ก็ตาม แต่ก็ควรพิจารณาแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าดำรงตำแหน่งตามที่คณะกรรมการดังกล่าวเสนอ หรือหากพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น จะต้องมีเหตุผลที่ชอบธรรมและมีน้ำหนักเพียงพอ ซึ่งกรณีของผู้ฟ้องคดีนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2(คุณหญิงจารุวรรณ) มิได้แต่งตั้งให้ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างใหม่ตามที่คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเสนอ แต่ได้แต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 และแต่งตั้งผู้ร้องสอดให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างใหม่ดังกล่าว

ศาลได้ตรวจพิจารณาข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คุณหญิงจารุวรรณ)ดังที่กล่าวข้างต้นแล้วเห็นได้ว่า ผู้ฟ้องคดี(นายอภิชัย)สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ.2531 และได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ มาโดยลำดับ จนกระทั่งได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย (นักบริหาร 9) ตามโครงสร้างเดิม ตามคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ 193/2547 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2547 ซึ่งมีหน้าที่ตรวจพิจารณาวิเคราะห์กฎหมายและดำเนินการเกี่ยวกับคดีของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตลอดจนพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติราชการให้เหมาะสม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือลักษณะงานวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวถึงวันที่ 9 มีนาคม 2549

ส่วนผู้ร้องสอดซึ่งสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อ พ.ศ. 2548 และได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ โดยลำดับ จนกระทั่งได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค (นักบริหาร 9) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 10 (จังหวัดพิษณุโลก) ตามคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ 193/2547 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2547 และได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวถึงวันที่ 9 มีนาคม 2549

ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบประสบการณ์เกี่ยวกับงานด้านกฎหมายของผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอดแล้ว จะเห็นได้ว่า ผู้ฟ้องคดีมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานด้านกฎหมายโดยตรงมากกว่าผู้ร้องสอด

ข้อกล่าวอ้างที่ว่า ผู้ร้องสอดมีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายมากกว่าผู้ฟ้องคดีเนื่องจากตำแหน่งดังกล่าวต้องการบุคคลซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโดยตรงมาบริหารราชการทุกด้านของสำนักงานกฎหมาย ซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ความเห็น และดีความวินิจฉัยข้อกฎหมาย รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับคดีของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและสำนักงานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 นั้น จึงฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คุณหญิงจารุวรรณ) อ้างว่า ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างเดิม เนื่องจากไม่ได้เข้ารับการอบรมนักบริหารระดับสูงภายใน 1 ปี ตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งนักบริหาร 9 และอ้างว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เคยบริหารงานในตำแหน่งผู้บริหารสำนักงานมาก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2547 จึงเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่เหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างใหม่ นั้น

การแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนายการสำนักงานกฎหมายตามโครงสร้างใหม่ มาตรฐานกำหนดตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต้องผ่านการอบรมนักบริหารระดับสูงมาแล้วหรือต้องผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าวภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งแต่อย่างใด

อีกทั้งเมื่อตรวจสอบประวัติของผู้ร้องสอดแล้วปรากฏว่า ผู้ร้องสอดก็ไม่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงมาก่อนเช่นเดียวกับผู้ฟ้องคดี และผู้ร้องสอดก็ไม่เคยบริหารงานในตำแหน่งผู้บริหารสำนักงานมาก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 10 (จังหวัดพิษณุโลก) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2547

ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คุณหญิงจารุวรรณ) ดังกล่าวจึงไม่อาจรับฟังได้

นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอดได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในระดับ 9 พร้อมกันตามคำสั่งของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่ 193/2547 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2547 ประกอบกับในขณะที่ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย (นักบริหาร 9) ตามโครงสร้างเดิม ก็ได้รับการพิจารณาให้เลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ 1 ขั้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีมีผลการปฏิบัติงานจากการประเมินเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายในระดับดีเด่น

ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คุณหญิงจารุวรรณ)ที่เห็นว่า ผู้ร้องสอดมีความรู้ ความสามารถ และความอาวุโส ที่เหมาะสมจะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างใหม่มากกว่าผู้ฟ้องคดีจึงมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้

ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2(คุณหญิงจารุวรรณ )พิจารณาแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 โดยไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ตามโครงสร้างใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งอยู่เดิมตามที่คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่เสมอ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2549 ในส่วนที่แต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2549 ในส่วนที่แต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ดำรงตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่ตามมติคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในการประชุมครั้งที่ 4/2549 ลงวันที่ 18 มกราคม 2549 และมติของคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่มาประกอบในการพิจารณาแต่งตั้งด้วย โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

อนึ่ง องค์คณะที่พิพากษาคดีดังกล่าวประกอบด้วย นายสุทัศน์ ทิงทอง ตุลาการศาลปกครองกลาง นายชูพงศ์ เศวตจินดา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง นายอนุพงศ์ สุขเกษมตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook