นักลงทุนขวัญกระเจิงหุ้นไทยดิ่งวูบ38.75จุด

นักลงทุนขวัญกระเจิงหุ้นไทยดิ่งวูบ38.75จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นักลงทุนขวัญกระเจิง ผวาข่าวลือต่อ ทุบหุ้นไทยเดี้ยง 38.75 จุด หลุด 700 จุด บิ๊กตลท.แจงเหตุหุ้นดิ่งเจอ 2 เด้ง แนะเกาะติดข่าวสารใกล้ชิด หวั่นเสียโอกาสลงทุน ด้านขุนคลังยันเป็นเรื่องปกติ หลังทะยานขึ้นแรง เตือนนักลงทุนใช้เหตุผลก่อนตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของกระแสข่าวลือจากปัจจัยในประเทศที่ยังคงสร้างความหวาดผวาให้นักลงทุนขวัญกระเจิงต่อเนื่องจากวันก่อน ส่งผลให้ดัชนีรูดลงอย่างหนักหลุดระดับ 700 จุด ขณะที่ราคาหุ้นก็ไม่น้อยหน้าแดงเถือกทั้งกระดาน หลังนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นต่างพร้อมใจกันเทขายออกมา โดยดัชนีเปิดตลาดที่ 735.91 จุด ระหว่างวันลดลงต่ำสุดที่ 60.75 จุด หรือกว่า 8% จนมาปิดตลาดที่ 692.72 จุด ลดลง 38.75 จุด หรือ 5.30% ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่นในรอบ 2 ปี 10 เดือนที่ 53,773.90 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝ่ายเทขายสุทธิที่ 824.46 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 3,129.68 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิที่ 3,954.15 ล้านบาท

ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงแรง เป็นผลจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาด้วยความตื่นตระหนกเนื่องจาก กังวลเกี่ยวกับข่าวลือต่าง ๆ ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตการลงทุน หลังราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ ลงทุนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานราชการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากหากตัดสินใจลงทุนจากข่าวลือที่เกิดขึ้น อาจทำให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสการลงทุน เพราะตั้งแต่ต้นปีตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศก็ออกมาดีขึ้นต่อเนื่อง และที่สำคัญปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังแข็งแกร่ง เห็นได้จากตัวเลขผลประกอบการ อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนจากส่วนผู้ถือหุ้นก็ดีขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ จากการสอบถามบล.ต่างชาติ รวมทั้งการประเมินการขายของนักลงทุนต่างชาติและกองทุนต่าง ๆ อาจเป็นการเทขายเพื่อปรับพอร์ตลงทุน เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 14 ต.ค. ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นมาแล้ว 62% ซึ่งช่วงที่หุ้นปรับขึ้นมาก และผู้ลงทุนปรับตัวด้วยการเทขายทำกำไรออกมาเพื่อลดพอร์ต จึงทำให้เกิดการเทขายแรง ดังนั้น ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข่าวสารต่าง ๆ ด้วยสติ แต่หากดัชนีปรับลงแรงถึง 10% ตลท.ก็มีมาตรการรองรับ โดยจะมีการพักการซื้อขายอัตโนมัติ (เซอร์กิต เบรกเกอร์)

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 1-2 วัน นี้ไม่ใช่ช่วงปกติ และไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้หุ้นซึมยาวเหมือนต้นปี แต่ครั้งนี้เกิดจากความกังวลแลในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งอยากให้นักลงทุนติดตามข่าวสารต่าง ๆ อย่างมีสติ เพราะเชื่อว่าในระยะยาวนักลงทุนจะกลับมาดูที่ปัจจัยพื้นฐานเหมือนเดิม ขณะเดียวกันในมุมมองของนักลงทุนระยะยาว อาจลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ในช่วงปลายปีได้

วันเดียวกันนายกรณ์ จาติกวณิช รมว. คลัง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลงอย่างหนักช่วงนี้ เป็นภาวะปกติของตลาดหุ้น ที่จะมีความอ่อนไหวมากขึ้น หลังจากดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นมามากกว่า 60% จากช่วงต้นปี แต่เชื่อว่า โดยภาพรวมระดับราคาของหุ้นไทย ยังไม่แพงเกินไป เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ๆ

ดัชนีที่ขึ้นลงเป็นเรื่องปกติ ดัชนีที่ปรับขึ้นมามาก เมื่อมีข่าวสารบางอย่างเกิดขึ้น ก็ย่อมอ่อนไหว เพียงแต่นักลงทุนต้องเข้าใจ และใช้เหตุผลวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังไม่ได้สอบ ถามไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า แรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนกลุ่มใด เพราะไม่มีความจำเป็นที่ต้องสอบถามข้อมูลดังกล่าว ส่วนการดูแลข่าวสารที่เกิดขึ้นในตลท.นั้น เชื่อว่าหน่วยงานทางการ ทั้ง ตลท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีมาตรการและการดูแลที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไรเพิ่มเติม

นายกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาความมั่นใจของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้มีเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก ไม่ว่าจะผ่านการลงทุนใน ตลท. หรือการลงทุนโดยตรง ซึ่งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ดูแลเงินที่ไหลเข้ามา เพื่อตรวจสอบว่ามีลักษณะการเข้ามาเก็งกำไรมากเกินไปหรือไม่ ยอมรับว่ามีบ้าง แต่ไม่ได้มากจนเกินไปจนกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ด้านนายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า คาดว่าแนวโน้มดัชนีหุ้นไทย จะปรับตัวลดลงไม่หลุดที่ระดับ 600 จุด และหากกรณีประเด็นข่าวลือในประเทศที่เกิดขึ้นมีความชัดเจนมากขึ้นจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นไทย นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีดัชนีมีโอกาสปรับตัวแตะระดับ 800 จุด ซึ่งเป็นผลจากมีแรงซื้อกองทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟเข้ามาสนับสนุน

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรม การผู้จัดการ บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงมาจากผลกระทบของกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้น ประกอบ กับยังมีสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ จากความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายที่ยังคงมีอยู่

ม.ล.ทองมกุฎ ทอ กรรมการผู้จัดการ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) และนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างชาติ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลกระแสเงินทุนไหลออก ประกอบกับที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น แล้วประมาณ 60% ซึ่งอาจแพงเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ทำให้มีแรงขายออกมากดดัน โดยมีแรงขายออกมาทั้งนักลงทุนต่างชาติและในประเทศ

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขา ธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า สาเหตุที่ดัชนีหุ้นไทยทรุดตัวลงแรง เนื่อง จากนักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นออกมาจากพอร์ตจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลจากความกังวลในกระแสข่าวลือด้านลบ อย่างไรก็ตาม จากการแถลงข่าวของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงพบว่าข่าวลือดังกล่าวไม่มีมูลความจริง ดังนั้น ผู้ลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกกับข่าวลือ เนื่องจากยังไม่ได้มีข้อมูลใหม่ใดที่ทำให้ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

นักค้าเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ปิดตลาด ที่ระดับ 33.50-33.55 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าต่อเนื่องจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่อยู่ระดับ 33.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐดอลลาร์เคลื่อนไหวสวนทางค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาคที่ยังปรับตัวแข็งค่าเนื่องจาก ดอลลาร์ยังอ่อนค่าต่อเนื่อง

ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าและ เคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนจากกระแสข่าว ลือในตลาดที่ยังมีต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ซึ่งคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป เพราะตลาดยังมีความอ่อนไหวต่อกระแสข่าวต่าง ๆ

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในวันที่ 16 ต.ค. คาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากเชื่อว่าตลาดยังมีความผันผวน และตลาดหุ้นยังมีเงินไหลออกจากกระแสข่าวต่าง ๆ

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตลาดหุ้นตกอย่างหนักว่า เป็นเรื่องของข่าว ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังจะต้องไปดูแลในเรื่องนี้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook