ท่าจะไม่เดิน2แสนกิโลเหมือนหนก่อน
ตามข่าวระบุว่า พร้อมใจกันจูงภรรยานั่งรถบัสสีแดงเข้าพรรคเพื่อไทย ชนิดอดสงสัย ไม่ได้ว่ามางานเลี้ยงรุ่นหรืออย่างไร
เป็นสีสันเป็นการตลาดทางการเมืองที่อย่างไรเสียพรรคการเมืองอื่นก็ยากจะเอาเป็นแบบอย่างได้
ดูดีดูมีราคานั้นใช่ ส่วนจะมีราคาดึงคะแนนพรรคหรือไม่นั้นก็อีกเรื่อง
แต่ที่ต้องจับตากันทันทีคือ พ่อใหญ่จิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐ มนตรี ที่แสดง แผนที่สมานฉันท์ ในฐานะ น้องใหม่ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย
ช่วงหนึ่ง พ่อใหญ่จิ๋ว ให้นโยบายซึ่งเป็นแนวทางที่มาจากการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หัวข้อ ถึงเวลาต้องแก้ปัญหาประเทศก่อนจะเกิดวิกฤติใหญ่ 5 ข้อ ดังนี้
1. ปัญหาที่พรรคเพื่อไทยถูกมองว่าไม่จงรักภักดี 2. การสร้างความสมานฉันท์ โดยสร้างความสามัคคีระหว่างเสื้อแดง-เสื้อเหลือง ซึ่งน่าจะคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และพล.ต.จำลอง ศรีเมอง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ 3. การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ 4. การแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนและ 5. การฟื้นฟูประชาธิปไตย
ที่สำคัญกว่านั้น พล.อ.ชวลิต เตรียมเดินทางพบผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้ง กัมพูชา มาเลเซีย และพม่า
ฟังดูแล้วคล้าย ๆ กับเตรียมจะเข้ามารับตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารในระยะเวลาอันใกล้
เป็นยุทธศาสตร์ที่หวานจับใจ ส่วนจะทำได้หรือไม่ ต้องตามดู
เป็นการเดินทางการเมืองที่มองเลย รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไปแล้ว
ขณะที่อีกด้าน การประชุม ครม. สัญจร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซ้อมใหญ่ก่อนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียนจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค. ที่จะถึงนี้
หน้าตาประเทศ ผลประโยชน์ชาติเช่นนี้ ใครเป็นรัฐบาลคนทั้งชาติก็พร้อมที่จะสนับสนุน
แต่กลับปรากฏข่าวทำนอง ปีนเกลียว กันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลคือ พรรค เพื่อแผ่นดินและพรรคภูมิใจไทย
ตามข่าวระบุว่า สาเหตุมาจากเรื่องการให้สินเชื่อแก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเพื่อซื้อรถตัดอ้อยวงเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเสนอโดย นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้า พรรคเพื่อแผ่นดิน แต่ถูก นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทักท้วง
ข่าวแจ้งว่า ขึ้นเสียงใช้เหตุผลกันท่วงทำนองว่า ทีเรื่องของพรรคคุณ ผมยังไม่เคยไปยุ่งเลย ทำไมต้องมายุ่งเรื่องของผมและเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องของผม แต่เป็นประโยชน์ของชาวไร่อ้อย ถ้าให้เขาได้ก็ให้ แต่ถ้าให้เขาไม่ได้ ผมจะได้ไปบอกเขา นายชาญชัย กล่าวก่อนลุก เดินออกจากห้อง
ข่าวระบุอีกว่า ก่อนจะบานปลายไปกว่านี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เข้าไปเจรจา จริงหรือไม่ ไม่รู้ได้
แต่ข่าวทำนองเช่นนี้ ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลลงไปอีกแล้วครับพ่อแม่พี่น้อง.