ก.ล.ต.สอบ 2 บัญชี ต้องสงสัยข่าวลือทุบหุ้น

ก.ล.ต.สอบ 2 บัญชี ต้องสงสัยข่าวลือทุบหุ้น

ก.ล.ต.สอบ 2 บัญชี ต้องสงสัยข่าวลือทุบหุ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก.ล.ต. ตรวจสอบ 2 บัญชีโบรกเกอร์และนักลงทุนรายใหญ่ต้องสงสัยข่าวลือทุบหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 และ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา


นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้เร่งตรวจสอบข่าวลือทุบหุ้นที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 14 และ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยประสานงานกับผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เพื่อตรวจสอบต้นตอของข่าวลือ

โดยพบว่าในวันที่ 14 ตุลาคม มีบัญชีของโบรกเกอร์ต่างประเทศ 2 แห่ง ที่มีการซื้อขายมากที่สุดคือ บัญชีของบริษัทหลักทรัพย์เครดิตสวิสฮ่องกง มีมูลค่าการขาย 3,000 ล้านบาท และบัญชีของ บล.ยูบีเอส สิงคโปร์ มีมูลค่าการขาย 1,300 ล้านบาท ที่เหลือพบว่าเป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อยู่ในอันดับที่ 13 และพบว่าในวันที่ 15 ตุลาคม บล.ยูบีเอส สิงคโปร์ มีการซื้อหุ้นกลับในวงเงิน 1,300 ล้านบาท ที่เหลือเป็นนักลงทุนต่างชาติ กองทุน และบุคคลธรรมดา อยู่ในลำดับ 9 ดังนั้นจึงได้ขอให้ ยูบีเอส สิงคโปร์ ส่งข้อมูลมายัง ก.ล.ต. เพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งจนถึงขณะนี้จึงยังไม่สามารถสรุปว่าการซื้อขายดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ โดยจะต้องรอข้อมูลจากยูบีเอส สิงคโปร์ ประกอบ ทำให้การสรุปเรื่องดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ภายใน 7 วัน แต่ ก.ล.ต.จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งเคยให้ข้อมูลไปแล้วว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายในสินเดือนนี้

นอก จากนี้ ก.ล.ต.ได้มีการตรวจสอบเชิงลึกย้อนหลังการซื้อขายในช่วงวันที่ 9-13 ตุลาคมที่ผ่านมา และพบว่ามีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนในประเทศรายใหญ่ 1 บัญชี ที่ต้องสงสัย โดยได้มีการซื้อขายแบบชอร์ตเซลไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์หุ้น โดยมีมูลค่าการทำชอร์ตเซล 204 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22 มีการขายในบัญชีปกติ 232 ล้านบาท และมีการซื้อหุ้นในบัญชีปกติด้วย รวมมูลค่าการซื้อขาย 436 ล้านบาท แต่เป็นยอดขายสุทธิ 353 ล้านบาท ดังนั้น ก.ล.ต.จึงจะเข้าไปทำการตรวจสอบบัญชีดังกล่าวว่ามีความน่าสงสัยหรือมีการใช้ ข่าวลือที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาหาผลประโยชน์ในการซื้อขายหุ้นหรือไม่ หากพบว่ามีการดำเนินการลักษณะดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ มาตรา 240 คือ การห้ามมิให้ผู้ใดเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จให้เรื่องลือ จนอาจทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าหลักทรัพย์ใดจะมีราคาสูงขึ้น หรือลดลง มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 เท่าของประโยชน์ที่ได้รับ

"ก.ล.ต.ยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครทำผิด เพราะการซื้อขายหุ้นเป็นสิทธิตามกฎหมาย ดังนั้น ก.ล.ต.จึงได้ประสานไปยังตำรวจสันติบาลและดีเอสไอ เพื่อสืบเสาะหาผู้แพร่ข่าวลือ และมีการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเพื่อเชื่อมโยงว่าได้มีการนำข่าวลือดังกล่าวมา ใช้หาผลประโยชน์ใน ตลท.หรือไม่ หากการสืบข้อมูลทั้งการซื้อขายหลักทรัพย์และการแพร่ข่าวไม่พบว่ามีการเชื่อม โยง ก็อาจจะไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ก็ได้" นายธีระชัย กล่าว

อย่างไรก็ ตาม ก.ล.ต.คงไม่สามารถเปิดเผยชื่อของนักลงทุนที่ทำการซื้อขายแบบชอร์ตเซลได้ เพราะจะเกิดความไม่ยุติธรรม แต่ ก.ล.ต.จะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปหารือกับ ตลท.ว่าหากมีกรณีข่าวลือกรณีนี้เกิดขึ้นอีกจะดำเนินการอย่างไร

นาย ประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่เมินเฉย ซึ่งได้ส่งคดีนี้ให้กับดีเอสไอ ที่มีเครือข่ายกว้างขวางทำการสอบเชิงลึก และสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป เพราะเมื่อเป็นคดีพิเศษก็จะสามารถขอข้อมูลกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศได้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook