''เป้า คาราบาว''โดนฟ้องล้มละลาย

''เป้า คาราบาว''โดนฟ้องล้มละลาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ที่ห้องพิจารณาคดี 1 ศาลล้มละลายกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 ต.ค. ศาลนัดพร้อมคู่ความในคดีหมายเลขดำที่ ล.12722/2552 ที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยนายอมร จันทรสมบูรณ์ กรรมการผู้มีอำนาจ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จ่าเอกอำนาจ ลูกจันทร์ หรือ เป้า คาราบาว อดีตมือกลองวงดนตรีเพื่อชีวิต คาราบาว และนางพึงพิศ ลูกจันทร์ ภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย

โจทก์ฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง ในคดีแดงที่ ธ.5643/2544 ที่ศาลมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 44 ให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินจำนวน 2,221,397 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 14.5 ต่อปี ของจำนวนเงินต้น 1,668,959.64 บาท นับจากวันที่ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 44 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 69550 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อขายทอดตลาด หากทรัพย์ไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นบังคับชำระให้ครบ และให้ชำระค่าทนายความจำนวน 2,000 บาทด้วย จำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์คดีจึงถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยทั้งสองยังไม่ชำระหนี้แต่อย่างใดโจทก์ จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ไปยึดทรัพย์ที่นำมาจำนองเป็นโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างขายทอดลาด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 47 ได้เงิน 1,660,000 บาท และนำเงินมาจ่ายแก่โจทก์ได้เพียง 1,566,245 บาท แต่ยังค้างชำระอีก 1,401,492.38 บาท ดอกเบี้ยอัตรา 14.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 47 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 5 ปี 221 วัน รวมยอดเป็น 2,758,013.62 บาท ทั้งจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นที่พึงยึดมาชำระหนี้ได้อีก เมื่อจำเลยมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินแสดงว่าเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด และพิพากษาให้ทั้งสอง เป็นบุคคลล้มละลายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป้า คาราบาว เดินทางมาศาลในสภาพนั่งรถเข็น มีเฝือกอ่อนดามที่ลำคอเป็นผลจากการผ่าตัดหมอนรองกระดูกเคลื่อน พร้อมด้วยนางพึงพิศ ภรรยา อย่างไรก็ดีศาลเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังมีหนทางเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้ ศาลจึงเลื่อนนัดพร้อมคู่ความไปเป็นวันที่ 10 พ.ค. 53 เวลา 09.30 น. ทั้งนี้อดีตมือกลองคาราบาว กล่าวว่า หนี้สินที่เกิดขึ้นมาจากการกู้ยืมมาซื้อบ้าน แต่ทำธุรกิจร้านอาหารขาดทุนจึงไม่มีเงินมาชำระคืนเจ้าหนี้ได้ ต้องยอมรับว่า ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย เพราะคิดว่าเมื่อทางธนาคารฯ นำบ้านไปขายทอดตลาดแล้วนำเงินไปชำระหนี้ที่ค้างไว้ก็เข้าใจว่าเรื่อง จะจบ แต่ปรากฏว่าตนยังมีหนี้สินติดค้างอยู่เมื่อรวมกับดอกเบี้ยเลยกลายเป็นเงินจำนวนมากขึ้น

เป้า คาราบาว กล่าวต่อว่า อยากฝากไปถึงผู้บริหารธนาคารฯ เพื่อขอความเห็นใจด้วย เพราะในอดีตสมัยก่อนที่ตนจะมาเข้าวงคาราบาว เคยร่วมงานอัดเพลง เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน ให้แก่ธนาคารกรุงเทพ ที่มีอาจารย์แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ เป็นหัวหน้าวง ปัจจุบันนี้สภาพร่างกายก็ไม่เหมือนอดีต ต้องผ่าตัดหมอนรองกระดูกเคลื่อน และผ่านการทำบอลลูนหัวใจมาแล้ว 3 เส้น ยังดีที่ได้ นพ.พิชญา นาควัชระ ผอ.รพ.กลาง ให้ความอนุเคราะห์เรื่องค่าใช้จ่ายในการทำกายภาพบำบัดอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ทุกวันนี้ไม่มีรายได้เพราะไม่สามารถสอนตีกลองได้

ตอนนี้ต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่ย่าน ซอยโชคชัย 4 เพื่อนพ้องในวงการเพลงเพื่อชีวิตบอกกับผมว่าจะช่วยจัดคอนเสิร์ตหารายได้มาช่วยเหลือ ติดตรงที่ตอนนี้แต่ละวงต่างมีแนวความคิดเห็นทางการเมืองต่างกันจึงเป็นอุปสรรคจัดงาน แต่ผมก็ไม่เคยไปเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากใคร อดีตมือกลองคาราบาว กล่าวทิ้งท้าย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook