ผอ.สสปน.ระบุ ปี53 ตลาดไมซ์ขยายตัวร้อยละ 25 สร้างรายได้เข้าประเทศ ประมาณ 56,950 ล้านบาท

ผอ.สสปน.ระบุ ปี53 ตลาดไมซ์ขยายตัวร้อยละ 25 สร้างรายได้เข้าประเทศ ประมาณ 56,950 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ระบุ ปี 2553 ธุรกิจไมซ์ในประเทศจะขยายตัวขึ้นประมาณร้อยละ 25 สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 56,950 ล้านบาท นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ในตลาดโลกขณะนี้เป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงถึงร้อยละ 15-25 ต่อปี สร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจของประเทศปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท จากการเดินทางของกลุ่มไมซ์ ประมาณ 500,000 คนต่อไป อย่างไรก็ตามจากการเติบโตของธุรกิจส่งผลให้มีการแข่งขันทางการตลาดสูงขึ้น ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญคือการทำกิจกรรมทางการตลาด จะต้องมีความเข้มข้นทั้งในรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่าง รวมถึงการทำประชาสัมพันธ์ให้ตรงจุด สำหรับโครงการเร่งด่วนซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินงานของ สสปน. คือการจัดทำแผนกลยุทธ์ระยะยาว 7 ปี ซึ่งจะเป็นกระบวนการทำงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และแผนโครงการระยะสั้น 3 ปี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปี 2553 สสปน.ได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสิ้นจำนวน 749 ล้านบาท แบ่งเป็นงบในโครงการปิดทองหลังพระ จำนวน 200 ล้านบาท งบกระตุ้นตลาดในการแข่งขันร่วมกับต่างประเทศ จำนวน 145 ล้านบาท งบการประชาสัมพันธ์ การจัดโรดโชว์ จำนวน 45 ล้านบาท และงบประมาณในการนำรายได้เข้าประเทศ ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ผ่านโครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Thailand) จำนวนทั้งสิ้น 185 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าปี 2553 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศกว่า 785,816 คน เดินทางเข้าไทยเพื่อจัดกิจกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้า กว่า 400 งาน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 56,950 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณร้อยละ 25 ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวด้วยว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สสปน.ในครั้งนี้ยืนยันว่าเป็นตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองและตนเองก็ไม่มีหน้าที่ทางการเมือง เนื่องจากลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ไม่อยากให้มองว่า สสปน.เป็นการดำเนินงานที่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่อยากให้มองว่าเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันที่จะผลักดันให้ธุรกิจมีการเติบโตสูงขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook