ฮุนเซนไม่แคร์ไทยรับแม้ว

ฮุนเซนไม่แคร์ไทยรับแม้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เหยียบเขมร12พ.ย. สวมบทกุนซือบรรยายเศรษฐกิจมาร์คลั่นขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน

แม้ว บินเข้าเขมรรับเก้าอี้กุนซือใหญ่ 12 พ.ย.นี้ ฮุนเซน ประกาศข้ามประเทศสะบั้นสัมพันธ์รัฐบาล มาร์ค เดินหน้าถือหาง เพื่อนรัก สุดตัว พร้อมสั่งถอนทหารรอบ ปราสาทพระวิหาร กลับที่ตั้งภายในสัปดาห์นี้ อ้างสถานการณ์เงียบสงบแล้ว ด้าน มาร์ค ลั่น นช.แม้ว มาจริง วัดใจยื่นขอผู้ร้ายข้ามแดนแน่ ปลุกกระแสชาตินิยมกู้ศักดิ์ศรีกระบวนการยุติธรรมไทย ยัน ครม. ยกเลิกเอ็มโอยูปี 44 แถมอัดยับ 2 คนไทยทำเพื่อตัวเอง โทรโข่ง มันปากถล่ม แม้ว-จิ๋ว คู่หูจอมป่วน ขณะที่ ทักษิณ ยังอุบไต๋รอจ้อ ผ่านวิทยุวันพรุ่งนี้ นพดล ลาก นายหัวชวน ร่วมวง โบ้ย สุรินทร์-สุขุมพันธุ์ ต้นเรื่องเจรจาเขตแดนทางทะเล แฉ ชวน 2 ยอมรับแผนที่ฉาว แถมขุดเรื่องหลังบ้าน มาร์ค ยืมชุดครุยมาเย้ยอีกต่างหาก เผยสัดส่วนแบ่งผลประโยชน์อ่าวไทย 60:40 ตามสูตรใกล้ไกล สวนรัฐสร้างคะแนนนิยมปลอม ฟาก ประสงค์ โผล่หนุนทำสงคราม ฝ่าย บูรพาพยัคฆ์ ยังจับตาทหารเขมร ส่วนนักเล่นไทยเมินทำเพื่อ มาร์ค

*มาร์คปลุกคนไทยกู้ศักดิ์ศรี

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ กรณีความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาที่เกิดระหองระแหงกันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นล่าสุด ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน หลังจากที่มีอดีตนายกฯ คนหนึ่งเดินทางไปพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และกลับมาออกข่าวว่าทางกัมพูชาจะตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษา และจะไม่ส่งตัวมายังประเทศไทย ซึ่งตนยืนยันอีกครั้งว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา เพราะหลังจากสมเด็จฮุนเซนเดินทางกลับไปจากการประชุมสุดยอดอาเซียน รัฐบาลกัมพูชาได้มีการแต่งตั้งอดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษา ทั้งที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษารัฐบาล ขณะเดียวกันได้ออกแถลงการณ์พาดพิงกระบวนการยุติธรรมของไทย ตั้งคำถามในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาล เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประเทศไทยและคนไทยคงยอมรับไม่ได้

ทั้งหมดในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องปัญหาความขัดแย้งการเมืองภายในประเทศของเรา แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนจะต้องยืนยันถึงความถูกต้องและศักดิ์ศรีของสถาบันหลักของเรา คือ กระบวนการยุติธรรม นายกฯ ระบุ

*วอนนักพนันเลิกเข้าบ่อนเขมร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางการทูตด้วยการเชิญเอกอัครราชทูตกลับมา เพื่อแสดงออกและบ่งบอกถึงความไม่พอใจ และต้องการที่จะลดระดับความสัมพันธ์หากว่าทัศนคติยังเป็นเช่นนี้ ส่วนทางกัมพูชาก็มีสิทธิที่จะทำเช่นเดียวกัน

นายกฯ กล่าวว่า ขั้นที่สองคือการพูดถึงข้อตกลงต่าง ๆ ซึ่งจะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เพราะจะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบทันที อย่างไรก็ตามตอนนี้อยากจะบอกว่าคนไทยให้หยุดเข้าไปเล่นการพนัน เพื่อที่จะมาช่วยกันส่งสัญญาณว่าถ้าอยากจะให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างกลับไปดำเนินการตามปกติ ก็ขอ ให้รัฐบาลกัมพูชาปฏิบัติต่อไทยอย่างที่ควรปฏิบัติในเรื่องของความจริงใจ และความเคารพซึ่งกันและกัน ที่สำคัญจะไม่ให้ปัญหาตรงนี้ไปกระทบกระเทือนกับเพื่อนบ้านอื่น ๆ ที่ร่วมงานกับไทย รวมถึงสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาก็จะไม่กระทบเช่นกัน

*10 พ.ย.พิจารณายกเลิกเอ็มโอยู

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีที่ประชุม ครม. เตรียมพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชาว่า กรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ จะรวบรวมข้อมูลและข้อกฎหมายทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันที่ 10 พ.ย. นี้ เพื่อให้พิจารณาว่าจะมีวิธีการดำเนินการต่อไปอย่างไร

ส่วนที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าไทยไม่สามารถยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กัมพูชาไม่สามารถบังคับให้ไทยเจรจาได้ แต่ฝ่ายไทยจะพิจารณาทบทวนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขหรือไม่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายกัมพูชา ต่อข้อถามว่า เหตุการณ์นี้จะบานปลายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีการบานปลาย และตนได้อธิบายไปแล้วว่ารัฐบาลมีหลักการทำงานอย่างไร ขณะนี้รัฐบาลไทยได้ส่งสัญญาณชัดเจนแล้ว ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาจะทบทวนท่าทีหรือไม่

*เฉ่งยับ2คนไทยทำเพื่อตัวเอง

ผมขอเรียกร้องให้ทุกคนยึดประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และอย่าทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียเปรียบ ทำให้เกิดความแตกแยก เพราะจะนำมาซึ่งความอ่อนแอ ทุกคนจะต้องรวมตัวกันรักษาผลประโยชน์ของ ประเทศ ถ้าคนสองคนจะคิดถึงประโยชน์ ตัวเอง ก็ต้องปล่อยเขา แต่คนส่วนใหญ่จะ ต้องเดินหน้ารักษาผลประโยชน์ของประเทศ วันนี้ผมมีกำลังใจจากประชาชนจำนวนมาก ที่ในช่วงที่ผ่านมาประชาชนได้แสดงออก อย่างเข้มแข็ง และให้กำลังใจรัฐบาลที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เชื่อว่าพลังตรงนี้สำคัญที่สุด นายอภิสิทธิ์ ระบุ

ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าขณะนี้มีบางฝ่ายทำให้เกิดความสับสนที่อาจจะ นำไปสู่ความขัดแย้งภายในประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ใครที่ทำให้เกิดความแตกแยกก็ทำให้ยิ่งอ่อนแอ เราต้องยึดผลประโยชน์สูงสุด ของประเทศ เราจะไปเจรจาอะไรต้องไม่อยู่ในฐานะเสียเปรียบ และจะให้คนอื่นมาลดความน่าเชื่อถือไม่ได้

*บัวแก้วเล็งส่งตีความฉีกข้อตกลง

ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว. การต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลว่า เรื่องนี้รัฐบาลไทยไม่ได้ต้องการหยิบยกประเด็นมาข่มขู่ แต่เตรียมเสนอให้ ครม. เห็นชอบอย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยให้เอ็มโอยูฉบับนี้มีผลบังคับใช้อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย

ส่วนการยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวจำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่นั้น เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศมีแนวคิดส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อเป็นบรรทัดฐานและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง สำหรับกรณีนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิ การอาเซียน ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อข้อขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในของสองประเทศ ไม่ได้เป็นปัญหาในระดับภูมิภาคคงต้องปล่อยให้เป็นการแก้ปัญหาในระดับทวิภาคี

*ปชป.ถล่มแหลกแม้ว-จิ๋ว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องตอบคนไทยให้ได้ว่า การเดินสายไปยังประเทศต่าง ๆ มีความมุ่งหวังทางการเมืองอย่างไร เพราะเหตุใดจึงมีการกระทบกระทั่งระหว่างประเทศเกิดขึ้น และวันนี้มีความพยายามจะเอาสัมปทานเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ และจะพัฒนาเกาะกงให้เป็นเกาะฮ่องกงแห่งที่ 2 หรือไม่ เพราะเรื่องนี้มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แม่โขงไทม์มาแล้ว นอกจากนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ต้องตอบคำถามว่าเคยเข้าร่วมการ ปฏิวัติในกัมพูชาปี 2537 หรือไม่ และ เพราะเหตุใดปี 2540 บริษัทเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้รับการต่อเวลาสัมปทานเพิ่มขึ้น

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และประธานพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปเยือนประเทศพม่า ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมสุดยอดเอเปก และการประชุมอาเซียน กับผู้นำสหรัฐ ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย. นี้ว่า อดสงสัยไม่ได้ว่า พล.อ.ชวลิต จงใจให้มีเหตุการณ์ตามมาอย่างเช่นกรณีครั้งไปเยือนประเทศกัมพูชาจนเกิดปัญหาตามมา

*ทักษิณมาถึงเขมร12พ.ย.นี้

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า สมเด็จฮุนเซน นายกฯ เปิดแถลงข่าวที่สนามบินนานาชาติกรุงพนมเปญว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ของไทย จะเดินทางมากัมพูชาในสัปดาห์นี้ เพื่อรับ ตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา โดยจะไปที่กระทรวงเศรษฐกิจและการคลังในวันที่ 12 พ.ย.นี้ เพื่อบรรยายสรุปให้กับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของกัมพูชากว่า 300 คน

ส่วนประเด็นที่ไทยเตือนว่าอาจจะ ปิดพรมแดนนั้น นายกฯ กัมพูชา กล่าวว่า หากไทยอยากปิดพรมแดน กัมพูชาก็จะปิดบ้าง ซึ่งการค้าขายบริเวณชายแดนก็จะถูกตัดขาด และสมเด็จฮุนเซนยังขอร้องประชาชนชาวไทยว่า ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ช่วยตนแบ่งเบาภาระการส่งเสริมเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของกัมพูชาด้วย ส่วนปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนรอบบริเวณปราสาทพระวิหารนั้น หลังตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนระหว่างกัมพูชา-ไทยแล้ว เห็นว่าสถานการณ์เงียบสงบ และได้สั่งการให้ถอนกำลังทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 911 ออกจากพื้นที่รอบเขาพระวิหาร และให้กลับไปประจำการกรมกองให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้

*มาร์คลั่นขอผู้ร้ายข้ามแดน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสมเด็จฮุนเซน ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเข้าร่วมประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของกัมพูชากว่า 300 คน ในวันที่ 12 พ.ย. นี้ ทะทรวงเศรษฐกิจและการคลังของกัมพูชา ว่า ได้เห็นข่าวดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาในช่วงเวลาดังกล่าวจริงหรือไม่ หากเข้าไปจริง รัฐบาลก็ต้องทำเรื่องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามขั้นตอน ส่วนทางกัมพูชา จะส่งตัวกลับมาหรือไม่นั้น ทางกัมพูชาจะต้องเป็นผู้พิจารณาเอง

*เด็กแม้วลากชวนร่วมวง

ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว. การต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงว่า ตามที่นายกฯ เตรียมยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนทางทะเล ฉบับวันที่ 18 มิ.ย. 2544 โดยอ้างว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอาจส่งผลให้กัมพูชาได้เปรียบในการเจรจา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่วงรู้ความลับของเอ็มโอยูดังกล่าวนั้น ข้อเท็จจริงการเจรจาเกิดขึ้นสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ มีนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็น รมว.การต่างประเทศ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็น รมช.การต่างประเทศ และนำมาสู่การทำข้อตกลงสาระสำคัญเบื้องต้นในวันที่ 5 ต.ค. 2543

อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องนี้ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เจรจาเรื่องเขตไหล่ทวีปทับซ้อนทางทะเลมาก่อนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเข้ามาปฏิบัติโดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2544 ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงรู้ความลับและท่าทีของรัฐบาลไทยดีที่สุด หากพรรคประชาธิปัตย์จะยกเลิกก็ควรไปถามนายสุรินทร์ดูก่อนว่าเอ็มโอยูนี้มีประโยชน์อย่างไร

*อ้างนายไม่ยอมแบ่งอ่าวไทย

การที่นายอภิสิทธิ์ บอกว่า พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นคนเริ่มเจรจาเอ็มโอยูฉบับปี 2544 จึงเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง นายอภิสิทธิ์อาจรู้ข้อมูลน้อย เพราะเจ้าหน้าที่นำเสนอ ไม่ครบถ้วน และเป็นการจงใจใส่ร้าย พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความเลวและไม่มีความลับ อย่างไรก็ตามผ่านมา 8 ปี เอ็มโอยูฉบับนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ และเมื่อปี 2549 ทางการกัมพูชาเสนอให้แบ่งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลออกเป็น 14 แปลงเท่ากัน แต่ไทยไม่ยินยอม ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแก่ประโยชน์หรือได้รับประโยชน์ ป่านนี้คงมีการทำสัญญาหรือได้รับสัมปทานแก๊ส น้ำมัน ไปแล้ว สุนัขถ้าเห็นใบตองแห้งมักจะเห่า แต่นักการเมืองไม่ควรเห่าเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีข้อมูลใด ๆ ถ้าพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีสัมปทานที่กัมพูชา ท่านประกาศยกให้ทั้งหมด ผมจึงอยากให้พรรคประชาธิปัตย์นำความจริงมาพูด อย่า ใส่ร้ายคนอื่นโดยไม่มีมูล และถ้าเราไม่ได้ทำผิดดาบนั้นจะคืนสนอง ที่ปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ

*แฉชวน 2ยอมรับแผนที่ฉาว

นายนพดล กล่าวถึงกรณีโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดำเนินการภายใต้แผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ในการสำรวจร่วม ระหว่างไทย-กัมพูชาเมื่อปี 2546 ได้ให้การยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแผนที่ที่ทำให้ไทยแพ้คดีเขาพระวิหารว่า เป็นการพูดความจริงข้างเดียว แต่ผลงานที่ลือลั่นต้องจดจำชั่วลูกชั่วหลาน คือ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าความแพ้คดีเขาพระวิหาร และแผนที่ดังกล่าวรัฐบาลนายชวน ได้ไปลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 มีเนื้อหายอมรับในข้อตกลงที่ 1 (ค) แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปัน เขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตาม อนุสัญญาฉบับ ค.ศ. 1904 และ ค.ศ. 1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง นั่นคือการยอมรับในแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตร.กม. ส่วน รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินการตามที่พรรคประชาธิปัตย์ทำไว้เท่านั้น

*ชี้เอ็มโอยูปี44ไทยยังไม่เสียหาย

ที่ปรึกษากฎหมายรายนี้ กล่าวอีกว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ รับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้รัฐบาลกัมพูชา จะเน้นเฉพาะเศรษฐกิจระดับรากหญ้า พัฒนาสินค้าโอทอป และธนาคารหมู่บ้าน ไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระดับรัฐบาล ทั้งนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีความลับและถึงรู้ความลับก็ไม่ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ มา 6 ปี ทำประโยชน์ให้ประเทศมามาก ไม่มีทางทำร้ายประเทศ และยังถูกยึดพาสปอร์ตทุกเล่มจะมีปัญญาเอาความลับของประเทศไปบอกประเทศอื่นได้อย่างไร นอกจากนี้เอ็มโอยูก็ไม่ใช่กรอบการเจรจา แต่เป็นเพียงกลไกในการเจรจาเท่านั้น ซึ่งกลไกการเจรจาทำได้เพียงการให้มีคณะกรรมทางเทคนิคมาพิจารณาเรื่อง ตราบใดที่ยังไม่มีการเจรจาก็ยังไม่มีเรื่องที่ไทยจะเสียหายอะไร

ผมยังจำได้ตอนภรรยานายอภิสิทธิ์จบปริญญาโทและเอก นายอภิสิทธิ์ยังเคยมายืมชุดครุยออกซฟอร์ดของผม เพราะไม่มี ผมก็ให้ แต่วันนี้ท่านมาเป็นนายกฯ การจัดการชีวิตของท่านมันไม่ใช่แค่ยืมกับกู้ แต่ต้องมีจิตใจที่เป็นธรรมกับอดีตนายกฯ บ้าง อย่าพูดให้ร้ายคนอื่นแบบตีหัวเข้าบ้าน นายนพดล ระบุ

*ดักคอมาร์คฉีกทิ้งแล้วยุ่งกว่า

นายนพดล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังให้ทนายความศึกษาว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่ ส่วนนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นั้น ตนไม่อยากเสียเงินและเสียเวลาแม้แต่บาทเดียวในการจ้างทนายฟ้องร้อง เมื่อถามว่าการยกเลิกเอ็มโอยูต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า เป็นเรื่องข้อกฎหมายที่รัฐบาลต้องศึกษา แต่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจและทบทวนให้ดี เพราะหากยกเลิกแล้วสมมุติว่ากัมพูชานำพื้นที่ไปให้สัมปทาน เพราะถือว่าไม่มีผลผูกพันทางเอ็มโอยูแล้ว จะยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ ไทยจะไปทักท้วงก็เป็นเรื่องลำบาก เพราะไม่มีผลผูกพันทางการเจรจาและทหารก็จะงานเข้า

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ว่า ท่านคง สงสัยว่าทำไมผมไม่พูดอะไรเรื่องกัมพูชา เอาเป็นว่าปล่อยรัฐบาลกับกระทรวงการต่างประเทศบ้าให้สุด ๆ ไปเลย แล้วผมจะพูดให้ฟังในรายการวิทยุอังคาร (10 พ.ย.) นี้ และผมขออภัยสมาชิกเอสเอ็มเอสของผม อันเดิมถูกรัฐบาลไปข่มขู่ผู้ให้บริการบล็อกข้อความไป ผมเลยขอปรับเทคโนโลยีใหม่ วิธีใหม่ดีกว่าเดิม สัปดาห์หน้าใช้ได้

*เผยสัดส่วนผลประโยชน์60:40

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช. คลัง และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมีแก๊สและน้ำมันมูลค่ามหาศาลนับล้านล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ เคยบอกว่ากรอบการเจรจาให้แบ่งผลประโยชน์ร่วมกันในอัตรา 60 ต่อ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้หลักการประเทศใกล้เป็นหลัก คือ พื้นที่ทางทะเลส่วนใดใกล้ประเทศใด ประเทศนั้นจะได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ประเทศไกลกว่าได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพื้นที่ตรงกลางแบ่งประโยชน์คนละ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือครึ่งต่อครึ่ง จึงอยากฝากถึงรัฐบาลให้คิดถึงประโยชน์ ของประเทศชาติ ไม่ใช่เอาการเมืองเป็นหลัก บางครั้งเราควรมองข้ามบางเรื่องไปบ้างเพื่อประโยชน์ของชาติ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ส่งผลต่อการค้าระหว่างกัน เนื่องจากไทยมีสินค้าที่ส่งไปยังกัมพูชาปีละกว่า 8 หมื่นล้านบาท และนักธุรกิจไทยไปลงทุนในกัมพูชาอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังส่งผลกระทบถึงการท่องเที่ยว จึงขอให้รัฐบาลทบทวนเปลี่ยนความขัดแย้งเป็นเวทีการค้าการลงทุน

*สวนรัฐสร้างคะแนนนิยมเทียม

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ และประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวหา พล.อ.ชวลิต เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า การทำหน้าที่ของ พล.อ.ชวลิต ส่งผลสะท้อนทางการเมือง ทำให้มีการปิดกั้น พล.อ.ชวลิต ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างกระแสบิดเบือนความจริงเพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ไม่ท้อถอยและจะดำเนินการตามแนวทางสมานฉันท์ที่วางไว้ เพื่อให้มิตรประเทศ มีความเข้าใจในประเทศไทย เพื่อผลประโยชน์ ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นห่วงแผนบิดเบือนของรัฐบาลเพื่อปกปิดปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล เลิกบริหารประเทศโดยใช้เทคนิคทางการเมือง มาสร้างความนิยมเทียมให้เกิดขึ้น เพราะ จะทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

*ออกโรงยุ กกต.ยุบเพื่อแม้ว

ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าว ว่า พรรคเชื่อว่าที่รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีพฤติกรรมสนับสนุนการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงถือเป็นภัยต่อความมั่นคงเช่นกัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรนำเรื่องนี้มาพิจารณา ว่าเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญและส่อที่จะถูกยุบพรรคหรือไม่

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลนำสนธิ สัญญาและข้อตกลงความร่วมมือและความช่วยเหลือกับกัมพูชา ทั้งเงินให้เปล่าและเงินกู้ ที่มีประมาณ 100 ฉบับ มาพิจารณาทบทวนว่ามีเรื่องใดบ้างที่กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ เช่น ค่าเสียหายในการเผาสถานทูตไทย การขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนในคดีต่าง ๆ เช่น คดีนายสมชาย คุณปลื้ม นายวัฒนา อัศวเหม ทั้งนี้ควรมีมาตรการกดดันทางการทูตรงเพิ่มขึ้นต่อไป เช่น ปิดด่าน 3 จุดบริเวณที่มีบ่อนการพนัน แต่ถ้าสมเด็จฮุนเซนยังมีมาตรการแ ข็งกร้าวก็ควรใช้มาตรการทางทหาร

* นักวิชาการเชื่อไม่เกิดสงคราม

อีกด้านหนึ่ง ที่อาคารจตุรัสจามจุรี มีการเสวนาเรื่อง วิพากษ์กรณีไทย-เขมร ทางออกประเทศไทย โดยนายอมร วานิช วิวัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การเรียกทูตกลับเป็นเหมือนการใช้ ไม้นวม ซึ่งตนมองว่าเป็นการระงับความสัมพันธ์ชั่วคราวมากกว่า ส่วนการใช้ไม้แข็งถ้าไม่พอใจก็คือทำสงคราม แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดสงครามขึ้น เพราะมีความสูญเสียมาก และจะไม่มีใครยอมรับ นอกจากนี้เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบถึงระดับอาเซียน ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ของชาติ

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า แม้กัมพูชาจะยกเลิกการแต่งตั้งที่ปรึกษา แต่ไทยก็ต้องถือโอกาสนี้รื้อเอ็มโอยูในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลก่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสทองที่ประเทศไทยจะได้รื้อสัญญาที่ไทยเสียประโยชน์ อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องใช้มาตรการทางการ เงินและการทูตเท่านั้น เพราะเมื่อกัมพูชา เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจก็จะหันกลับ มาเจรจากับไทย

*โพลถล่มแม้ว-จิ๋วจมธรณี

ขณะที่ เอแบคโพล เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องคะแนนนิยมระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยใช้การสัมภาษณ์แบบเรียลไทม์วันที่ 6 พ.ย. จำนวน 1,127 ครัวเรือนใน 17 จังหวัด พบว่า นายอภิสิทธิ์ ได้คะแนนสนับสนุนร้อยละ 60.0 ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ 21.0 ขณะเดียวกันร้อยละ 77.9 ยังให้โอกาสรัฐบาลนี้ทำงานต่อไป มีเพียงร้อยละ 14.5 ที่ไม่ให้โอกาสรัฐบาลทำงาน ขณะเดียวกันร้อยละ 71.3 กังวลว่าการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาของผู้นำกัมพูชาอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายระหว่างไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ร้อยละ 70 ยังระบุว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ. ชวลิต ไม่ได้ทำเพื่อประเทศไทย อย่างไรก็ตามร้อยละ 58.7 หวังว่าทั้งสองประเทศจะจับมือกันพัฒนาเศรษฐกิจ

สวนดุสิตโพล ทำการสำรวจในช่วงวันที่ 5-7 พ.ย. จากบุคคลทั่วไป 1,652 คน พบว่าค่อนข้างพอใจบทบาทของนายอภิสิทธิ์ ต่อการแก้ไขปัญหากรณีกัมพูชา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ

*บูรพาพยัคฆ์เกาะติดทัพเขมร

ส่วนบรรยากาศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้น พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อม พ.อ.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ รองเสนาธิการกองกำลังบูรพา 1 และ พ.อ.ชูชาติ สุกใส รองเสนาธิการกองกำลังบูรพา 2 ออกตรวจ สภาพความเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนบนพื้นที่ อ.ตาพระยา อ.โคกสูง อ.อรัญประเทศ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ตลอดจนรอยต่อพื้นที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี นอกจากนี้ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว ได้เข้ามาตรวจบริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ โดยยังคงพบว่ามีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาข้ามมาค้าขาย ตลอดจนขายแรงงานในฝั่งไทยนับหมื่นคน

พล.ต.วลิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ยังอยู่ในสภาพปกติ และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทย แต่เพื่อไม่ประมาทได้สั่งการทุกส่วน โดยเฉพาะหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12, 13 และหน่วยเฉพาะกิจ ตชด. ที่ 12 กองกำลังบูรพา ให้เฝ้าระวังและติดตามการเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง หากพบมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ให้แจ้งรายงานเพื่อติดตามสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

*ตัวเลขนักเสี่ยงโชคไทยไม่ลด

สำหรับบรรยากาศการเดินทางเข้า ไปเล่นการพนันในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต ทั้ง 9 แห่ง ยังมีจำนวนนักพนันคนไทย เดินทางข้ามฝั่งเข้าไปเล่นไม่ลดน้อยลง โดย พ.ต.อ.รณกร ฤทธิ์วงค์ ผกก.สำนักงาน ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า อัตราการเดินทางของนักพนันไม่มี ลด มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น จากปกติออกไปเล่นพนันเฉลี่ยวันละ 5-7 พันคน หากเป็น วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวจำนวนนักพนันในรูปของนักท่องเที่ยว จะเพิ่มสูงขึ้น 3 เท่าตัว โดยเฉพาะมัก จะเดินทางมาในช่วงค่ำก่อนปิดด่านเวลา 20.00 น.

ผกก.สำนักงานด่าน ตม.ฯ กล่าว ด้วยว่า การเดินทางของชาวต่างชาติอื่น ๆ ที่เดินทางออกไปฝั่งประเทศกัมพูชาทางด้านช่องทางผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกแห่งนี้ก็ไม่ลดลงจากเดิม โดยตัวเลขยังอยู่ที่วันละ 700-800 คนเช่นเดิม แต่ถ้ารวมนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวชมปราสาทนครวัด-นครธม จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชาและเดินทางต่อไปประเทศเวียดนามจนมีตัวเลขรวมกว่า 1 พันคนต่อวัน

nปธ.หอการค้าชี้ไม่มีผลกระทบ

ที่ จ.จันทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวกัมพูชาที่ข้ามมาค้าขายในตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ อ.สอยดาว ต่าง พากันติดตามข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งข่าวสารกลับไปยังฝั่งกัมพูชา ส่งผลให้บัตรเติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่ในตลาดชายแดนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อย่างไรก็ตามยังคงมีชาวกัมพูชาข้ามแดนมาซื้อสินค้าเพื่อกักตุนไว้จำหน่ายอีกด้วย

ที่ จ.บุรีรัมย์ นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายรัชพล ตระหนักยศ ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ว่า จากการตรวจเยี่ยม 4 จังหวัดอีสานใต้ คือ นคร ราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับกัมพูชา พบว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ส่งผลกระทบกับนักธุรกิจในพื้นที่มากนัก และเชื่อว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะคลี่คลายได้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการที่นายกฯ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนจะเป็นผลดีต่อประเทศไทย และขอ ให้บุคคลที่คิดเป็นปรปักษ์กับไทยคิดให้ดีก่อนว่าทำถูกต้องหรือไม่.

*อัยการหนักใจขั้นตอนสะดุด

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ ของรัฐบาลกัมพูชาและสมเด็จฮุนเซน จะเดินทางมายังกัมพูชาในวันที่ 12 พ.ย. ว่า ที่ผ่านมาอัยการได้ทำหนังสือส่งไปยังประเทศต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ และตำรวจร้องขอมาเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของกัมพูชานั้น อัยการยังไม่เคยดำเนินการ เนื่องจากตำรวจและกระทรวง การต่างประเทศ ไม่ได้ทำเรื่องร้องขอมาแต่อย่างใด

อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า คำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นต้องทราบที่อยู่อย่างชัดเจน และตามขั้นตอนอัยการจะต้องส่งกลับไปให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสถานทูตประเทศนั้น ๆ ในกรณีนี้ถ้ามาแบบประเดี๋ยวประด๋าวอาจจะทำไม่ทัน ครั้งนี้มันไม่ปกติ ผมไม่แน่ใจว่าทำอะไรได้บ้าง ยิ่งประเทศนั้นบอก ว่าไม่ยอมกักตัวไว้ เราจะไปทำอะไรได้ เพราะวิถีทางการทูตไม่ปกติ เจอแบบนี้ยอมรับว่าหนักใจ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook