ออกหมายเรียก หมอแจ๊ค ข้อหาขังทุบเลขา

ออกหมายเรียก หมอแจ๊ค ข้อหาขังทุบเลขา

ออกหมายเรียก หมอแจ๊ค ข้อหาขังทุบเลขา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจออกหมายเรียก หมอแจ๊ค รับทราบข้อกล่าวหา 12 พฤศจิกายนนี้ รอง ผบก.กองบังคับการปราบปรามเผย หมอแจ๊ค หอบใบเสร็จค่าตกแต่งคลินิกเสริมความงามมาปรึกษา หลังตรวจพบความผิดปกติ จากงบ 2 ล้าน กลายเป็น 10 ล้าน แต่งานไม่เสร็จ

ความคืบหน้ากรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) เลขาฯ ของ นพ.พรเดชา สุขารมณ์ หรือ หมอแจ๊ค เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าถูก นพ.พรเดชา ทารุณ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ เพื่อบังคับให้เซ็นรับสารภาพว่าโกงเงินของบริษัท แถมยังขู่ฆ่ายกครัว และได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนหลักฐานต่างๆ ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากแพทย์ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีอีกครั้ง ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก นพ.พรเดชา มาพบพนักงานสอบสวน โดยนัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวนในเวลา 12.30 น. วันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกาย ตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้

"พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ แม้ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเกรงว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง แต่ขอยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย" พ.ต.อ.สมประสงค์ กล่าว

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผบก.กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นพ.พรเดชา เข้ามาขอคำปรึกษา หลังจากได้ร่วมหุ้นกับกลุ่มเพื่อนๆ เปิดคลินิกเสริมความงามอาคารแห่งหนึ่งย่านเพลินจิต ที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง โดยมอบหมายให้ น.ส.เอ เลขานุการ เป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยวางงบไว้ไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าเมื่อดำเนินงานไปได้ระยะหนึ่งก็มีปัญหา ค่าใช้จ่ายเกินไปถึง 10 ล้านบาท แต่งานก็ยังไม่เสร็จ ทำให้บริษัทมีปัญหาถึงขั้นต้องเปลี่ยนหุ้นส่วน

"ตัวหมอแจ๊คเองก็เริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา จึงมีการตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พบมีใบเสร็จจำนวนมากที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ จึงสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจึงนำเรื่องมาปรึกษาผม ผมก็แนะนำไปว่าให้กลับไปหาหลักฐานมาให้เรียบร้อย กระทั่งมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้ในคดีที่ นพ.พรเดชา เข้ามาปรึกษานั้น ทราบว่ายังไม่ได้แจ้งความเป็นคดี เพียงแต่มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า จะไปรวบรวมหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนแล้วจะมาแจ้งความภายหลัง" พ.ต.อ.มนตรี กล่าว

บันทึกประจำวันในคดีดังกล่าวนั้น นพ.พรเดชา ขอลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เมื่อปี 2550 ตนกับพวกได้ตกลงจดทะเบียนเปิดบริษัทเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมเลเซอร์ ปรากฏว่าถูก เลขานุการกับพวกยักยอกเงินไปเป็นระยะๆ หลายครั้ง รวมทั้งมีการปลอมลายมือชื่อในเช็คอีกด้วย จึงขอลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อนจะนำหลักฐานมาแจ้งความภายหลัง เพื่อให้มีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook