ศาลจำคุก วัฒนา อีก3ปี คดีฉ้อโกงคลองด่าน

ศาลจำคุก วัฒนา อีก3ปี คดีฉ้อโกงคลองด่าน

ศาลจำคุก วัฒนา อีก3ปี คดีฉ้อโกงคลองด่าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลพิพากษาจำคุก "วัฒนา อัศวเหม" กับพวก 3 ปี คดีทุจริตซื้อที่ดินคลองด่านมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ชี้พฤติกรรมเชื่อมโยงสมคบปั่นราคาให้สูงเกินจริง

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ศาลแขวงดุสิต ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 1.กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี 2.บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 3.นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 4.บริษัท ประยูรวิศว์การช่าง 5.นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท ประยูรวิศว์การช่าง 6.บริษัท สี่แสงการโยธา (1979) 7.นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัท สี่แสงการโยธา 8.บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ 9.นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ 10.บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์

11.นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ 12.บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ 13.นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 14.นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 15.นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 16.บริษัท ปาล์ม บีช ดิเวลลอปเมนท์ 17.นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ 18.นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19.นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงที่ดิน และฉ้อโกง กรณีร่วมกันทุจริตจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ จำนวน 1,900 ไร่ มูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นคลอง ถนนสาธารณะ และป่าชายเลน ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซี่งในวันนี้ นายวัฒนา จำเลยที่ 19 ไม่มาศาล เนื่องจากหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ส่วนจำเลยที่เหลือเดินทางมาฟังคำพิพากษา

ทั้งนี้ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพนักงานสอบสวน เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เมื่อปี 2531-2533 นายวัฒนา จำเลยที่ 19 ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเป็นกรรมการบริษัทเหมืองแร่ลานทอง ได้ทำการรวบรวมที่ดินแปลงพิพาท จากชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำประมงเลี้ยงกุ้ง นอกจากนี้โจทก์ยังมีชาวบ้านผู้ขายที่ดินมาเบิกความรับรองสภาพที่ดินเป็นป่าชายเลน ป่าโกงกาง ถนนและลำคลองสาธารณะ ต่อมาจำเลยที่ 16 ได้ซื้อที่ดินต่อจากบริษัทเหมืองแร่ลานทอง ของจำเลยที่ 19 และชาวบ้านที่มีที่ดินใกล้เคียง อ้างว่าจะทำสนามกอล์ฟและแบ่งขายให้แก่สมาชิก มีการทำสัญญากันที่บ้านของจำเลยที่ 19 หากชาวบ้านรายใดไม่ขายให้ก็จะถูกข่มขู่ นอกจากนี้จำเลยที่ 19 ยังใช้อำนาจบีบบังคับ และจูงใจให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน ออกโฉนดที่ดินพิพาทรวม 4 แปลง ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมตรวจและมีความเห็นให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าวเนื่องจากที่สาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดจำเลยที่ 19 และศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 19 กระทำผิด ป.อาญา มาตรา 148 แล้ว

ต่อมาจำเลยที่ 16 ขายที่ดินให้แก่จำเลยที่ 12 แต่ไม่ได้มีการซื้อขายกันจริง เป็นการสมคบกันปั่นราคาให้สูงขึ้นเกินกว่าความเป็นจริง พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2-19 เชื่อมโยงมีการแบ่งหน้าที่กันทำกลุ่มหนึ่งเป็นผู้รวบรวมที่ดินนำขายให้แก่โจทก์ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้างโครงการ ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน โดยทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินดังกล่าวออกโฉนดโดยมิชอบแล้วนำมาขายให้โจทก์ใช้ก่อสร้างโครงบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านโดยไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการ มีเจตนาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นำผลประโยชน์ไปแบ่งปันกัน พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 2-19 ร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องอันเป็นความผิดกรรมเดียว พิพากษาว่าจำเลยที่ 2-19 กระทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 341 ฐานร่วมกันฉ้อโกง ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17,18 และ19 เป็นเวลาคนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 2, 4, 6, 8, 10, 12 และ 16 ปรับรายละ 6,000 บาท

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook