อะมีรุ้ลฮัจย์ วอน ผู้ประกอบกิจการฮัจย์ยึดหลักศาสนบัญญัติแทนประเพณีปฏิบัติ

อะมีรุ้ลฮัจย์ วอน ผู้ประกอบกิจการฮัจย์ยึดหลักศาสนบัญญัติแทนประเพณีปฏิบัติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อะมีรุ้ลฮัจย์ วอน ผู้ประกอบกิจการฮัจย์ยึดหลักศาสนบัญญัติแทนประเพณีปฏิบัติ ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อะมีรุ้ลฮัจย์หรือหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการไทย ได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการกิจการฮัจย์ ทราบว่า ในอนาคตการดำเนินการกิจการฮัจย์ต้องยึดหลักศาสนบัญญัติ ไม่ใช่ยึดถือปฏิบัติตามประเพณีที่เคยปฏิบัติ เพราะจะทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างผู้แสวงบุญกับแซะห์ (ผู้นำกลุ่ม) หรือผู้ประกอบการฯ ที่ไม่สามารถตัดสินปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามหลักศาสนาได้ ทั้งนี้ ได้เสนอให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจการฮัจย์ ให้เป็นไปตามหลักศาสนบัญญัติ (ชารีอะห์) ตามบทบัญญัติของพระคัมภีร์อัลกุรอาน และผู้ประกอบการฮัจย์ต้องกำหนดรายละเอียดของการบริการคร่าวๆแก่ผู้แสวงบุญว่า เงินที่เก็บจากพวกเขาจำนวนเท่านั้น ครอบคลุมการให้บริการอย่างไรบ้าง อาทิ ค่าตั๋วเครื่องบิน เป็นเที่ยวบินธรรมดา หรือ เช่าเหมาลำ ค่าอาหารจำนวนกี่มื้อ ค่าที่พักราคาเท่าไร มีลักษณะเป็นอย่างไร ใกล้ไกลกับสถานที่ประกอบศาสนกิจมากน้อยเพียงใด โดยทั้งหมดนี้ควรมีรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อทั้งสองฝ่ายจะได้รักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง โดยมีเจตนารมณ์เพื่อต้องการให้การบริการตรงกับสัญญาที่ได้ให้ไว้ ซึ่งปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแสวงบุญสูงมากแต่สภาพความเป็นอยู่ของผู้แสวงบุญในเรื่องของที่พักและอาหารซึ่งผู้ประกอบการฮัจย์ จัดเตรียมให้มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากในระดับวงเงินที่เท่ากัน และในกรณีที่ผู้แสวงบุญไม่สามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ พวกเขาสามารถที่จะเรียกเงินคืนได้จากที่ใด จำนวนเท่าไร นอกจากนี้ อะมีรุ้ลฮัจย์ยัง เสนอแนะอีกว่า การให้บริการและรับบริการทุกครั้งให้มีการทำสัญญาข้อตกลงกัน และมีการตกลงด้วยวาจาระหว่างการเสนอและการตอบรับสัญญาตามหลักศาสนบัญญัติ อีกด้วย ศูนย์ข่าวฮัจย์ไทย กรมประชาสัมพันธ์ รายงานจากนครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook