บิ๊กลั่นมือยิง ร.ต.อ. รีบมอบตัวไม่รอดแน่

บิ๊กลั่นมือยิง ร.ต.อ. รีบมอบตัวไม่รอดแน่

บิ๊กลั่นมือยิง ร.ต.อ. รีบมอบตัวไม่รอดแน่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบแล้ว 1 แก๊งค้ายาไอซ์ยิง "ร.ต.อ." ออกหมายจับพี่ชายเร่งลากตัวมาดำเนินคดี พบประวัติก่อคดีพยายามฆ่า-ฆ่าคนตาย เตรียมเปิดร้านอาหารหวังนำเงินค้ายาไปฟอก ลั่นให้ออกมามอบตัว หนีไม่รอดแน่

จากการณีที่ ร.ต.อ.อาทิตย์ บุบผา รอง สว.สส.สน.หัวหมาก นำกำลังไปล่อซื้อยาไอซ์จากคนร้ายทีซอยรามคำแหง 127 เวลา 23.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน แต่คนร้ายไหวตัวชักปืนยิงเข้าใส่ ทำให้ ร.ต.อ.อาทิตย์ เสียชีวิต หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ 1 คน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติออกหมายจับมือปืนแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 (ผบก.น.4) พ.ต.อ.อาณัฐ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน ผกก.สน.หัวหมาก พ.ต.อ.ปกรณ์ กิตติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.รังสรรค์ ยิ่งยงดำรงสกุล รอง ผกก.(ปป.) สน.หัวหมาก พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร สว.สส.สน.หัวหมาก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.4 ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก และฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปความคืบหน้าและคลี่คลายคดี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.สมวุฒิกล่าวว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อสรุปความคืบหน้าและคลี่คลายคดี ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ สามารถจับกุมคนร้ายได้ 1 คน คือ นายเทิดเกียรติ ชุนหชัย หรือเก่งอายุ 28 ปี ซึ่งสามารถจับกุมได้ภายในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ที่เป็นคนลงมือยิงและหลบหนีอยู่ในขณะนี้ ทราบชื่อแล้วคือ นายเอกชัย ชุนหชัย หรือเอกขาว อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 ซอยเพชรเกษม 48 แยก 31 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม. เป็นพี่ชายของนายเทิดเกียรติ ซึ่งได้ขออนุมัติหมายจับไปแล้ว และจากการตรวจสอบประวัติ พบว่านายเอกชัยมีหมายจับคดีพยายามฆ่าและฆ่าที่ สน.สำเหร่ และทราบว่ากำลังลงทุนทำร้านอาหาร คาดว่าคนร้ายน่าจะนำเงินที่ได้จากการขายยาเสพติดไปฟอกเงินในร้านอาหาร

ด้าน พ.ต.อ.อาณัฐกล่าวว่า ฝากถึงคนร้ายว่าให้รีบมอบตัวได้ที่ สน.หัวหมาก หรือที่ บก.น.4 และยืนยันว่าหนีไม่พ้นแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่รู้ข้อมูลทุกอย่างแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ว่าให้ระมัดระวังตัว เพราะผู้ต้องหาก่อคดีอุกฉกรรจ์ และพกอาวุธติดตัวอยู่ตลอดเวลา และตนก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในกรอบของกฎหมาย ส่วนประเด็นเรื่องรถโตโยต้าวีออส สีดำ ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นทะเบียนปลอม ซึ่งเจ้าของตัวจริงอยู่ที่ จ.พังงา และก็ไม่ทราบว่าเป็นรถขายสวมทะเบียนหรือขโมยมา

"ร.ต.อ.อาทิตย์มีผลงานดี สามารถจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดและคดีใหญ่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกคน เก่งภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยงานสืบสวนได้อย่างดีเยี่ยม" พ.ต.อ.อาณัฐกล่าว

ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. มีความเสียใจและห่วงใยต่อครอบครัวในการจากไปของ ร.ต.อ.อาทิตย์ เบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปูนบำเหน็จ 7 ขั้น 5 ชั้นยศ โดยเลื่อนยศจาก "ร.ต.อ." เป็น "พล.ต.ท." พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิข้าราชการตำรวจจำนวน 5 แสนบาท เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจ 5 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีเงินช่วยเหลือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จำนวน 4 แสนบาท รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านบาท

ต่อมาเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน นางพิมพ์สุภัค บุบผา อายุ 56 ปี นายสุกรัณย์ บุบผา อายุ 25 ปี พร้อมด้วยนางประภาพรรณ บุบผา อายุ 27 ปี แม่ น้องชาย และภรรยาเดินทางไปรับศพ ร.ต.อ.อาทิตย์ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โดยมี พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำนวยความสะดวกในการรับศพ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าเสียใจ โดยศพของ ร.ต.อ.อาทิตย์คลุมด้วยธงชาติไทย ก่อนเคลื่อนย้ายไปยังศาลา 5/1 วัดตรีทศเทพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการชันสูตรของแพทย์ระบุว่า ร.ต.อ.อาทิตย์เสียชีวิตจากการที่ถูกกระสุนปืนทำลายสมอง โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 11 มม.เข้าที่หน้าใบหูขวาทะลุฐานกะโหลกทางด้านซ้าย

จากนั้นเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรดน้ำหลวงอาบศพ โดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น รวมทั้งบรรดาเพื่อนข้าราชการตำรวจในสังกัด เพื่อนร่วมรุ่น และครอบครัว

พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบให้แก่ ร.ต.อ.อาทิตย์ ในกรณีพิเศษเลื่อนขั้นเงินเดือน 7 ขั้น และเลื่อนยศเป็น พล.ต.ท. ตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ.2521 และมอบเงินกองทุนสวัสดิการ บช.น.จำนวน 1.5 หมื่นบาท เงินมูลนิธิผอบ ณ นคร เพื่อตำรวจที่เสียชีวิตในหน้าที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงาน จำนวน 3 หมื่นบาท เงินณาปนกิจสงเคราะห์ 3.4 แสนบาท รวม 3.85 แสนบาท พร้อมให้การช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่มีจิตสำนึกในการเป็นตำรวจในการทำหน้าที่อย่างแท้จริง ส่วนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นจะทำการศึกษาตรวจสอบและหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

พล.ต.ท.พงศพัศกล่าวว่า เป็นความสูญเสียอีกครั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สูญเสียนายตำรวจที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจจะดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆ ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ขณะที่ พล.ต.อ.ปทีป รักษาการ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จัดชุดในการติดตามตัวคนร้าย เนื่องจากเป็นการก่อเหตุอย่างอุกอาจกับนายตำรวจที่ทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงให้ขยายผลผู้ร่วมขบวนการด้วย

ด้านนางประภาพรรณ บุบผา อายุ 27 ปี ภรรยา ร.ต.อ.อาทิตย์ ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก กล่าวทั้งน้ำตาว่า เพิ่งจะแต่งงานได้เพียงปีเศษ ปกติสามีเป็นคนจริงจังกับงาน ค่อนข้างบ้าระห่ำ อาจหาญ แต่ไม่ค่อยจะบอกตนว่าไปทำงานอะไรมาบ้าง สามีเข้าเวรตั้งแต่บ่ายวันที่ 14 พฤศจิกายน แต่วันเดียวกันนั้นก็ไปซื้อรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ที่ศูนย์ฮอนด้าคริสตัลปาร์ค และตนก็ขับมาส่งที่ สน.หัวหมาก กระทั่งเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ตนโทรศัพท์ไปหาสามี ซึ่งก็บอกว่าวันนี้มีงานใหญ่ สายรายงานมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรเพราะเข้าใจว่าทำงานอยู่ ทราบเพียงว่างานจะเริ่มประมาณห้าทุ่มเศษ กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ลูกน้องของสามีโทรศัพท์มาบอกว่า สามีได้รับบาดเจ็บขาหักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุขาภิบาล 3 ให้รีบมาดู ตนพร้อมญาติจึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาล เมื่อมาถึงก็ทราบว่าสามีเสียชีวิตแล้ว เพราะถูกยิงเข้ากกหูขวากระสุนฝังในจากการปฏิบัติหน้าที่ล่อซื้อยาเสพติดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ขณะนี้ฉันยังรู้สึกทำใจไม่ได้ เสียใจมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งแต่งงานได้เพียงปีเศษ ยังไม่มีลูกด้วยกัน เขาเป็นเสาหลักของครอบครัวแต่ก็ต้องมาจากไป ไม่รู้ว่าอนาคตฉันจะมีชีวิตอยู่อย่างไร จะโดดเดี่ยวสักแค่ไหน" นางประภาพรรณกล่าว

ด้านนางพิมพ์สุภัคกล่าวว่า ตนมีลูกชาย 2 คน โดยผู้ตายเป็นคนโต ทำใจตั้งแต่ที่ลูกชายเข้าเรียนเตรียมทหารแล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์อย่างวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ที่ผ่านมาตั้งใจให้เรียนแพทย์ แต่ลูกชายอยากเป็นตำรวจมากกว่า ก็ภาคภูมิใจที่ลูกชายปฏิบัติหน้าที่ของลูกผู้ชายอย่างสมเกียรติยศในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

"อยากให้ยาเสพติดหมดไปเสียที ดิฉันโทรศัพท์หาลูกชายทุกครั้งก็บอกว่าจะไปจับยาเสพติด วันนี้แม้จะเสียใจต่อการจากไปของลูกชาย แต่คิดว่าเขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว" นางพิมพ์สุภัคกล่าว

ประวัติ ร.ต.อ.อาทิตย์ บุบผา เกิดวันที่ 8 มีนาคม 2525 จบชั้นมัธยมต้นจากโรงเรียนวชิรธรรมสาธิต จบเตรียมทหารรุ่นที่ 41 สำเร็จการศึกษา นรต.รุ่น 57 เข้ารับราชการ พ.ศ.2547 ในตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หัวหมาก และเมื่อเดือนมิถุนายน 2551 ได้เปลี่ยนสายงานเป็นรอง สว.สืบสวน สน.หัวหมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook