สุเทพ นั่งหัวโต๊ะก.ตร.คลอดโผตร.สำเร็จ

สุเทพ นั่งหัวโต๊ะก.ตร.คลอดโผตร.สำเร็จ

สุเทพ นั่งหัวโต๊ะก.ตร.คลอดโผตร.สำเร็จ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปุระชัย และ พิชิต วอร์คเอ้าท์ รอบสอง ยันทำตามหลักการ ต้องมีผบ.ตร.ก่อน พร้อมให้แยกแยะเรื่องลูกชายว่า เป็นเรื่องของลูก ปฎิเสธไม่ได้ฝากให้ลูกชายได้เป็นตำรวจในสมัยโกวิทย์ เผยเป็นรอง สว. สนว. และล่าสุด ช่วยราชการ สำนักงาน ผช.ผบ.ตร. ด้าน"สุเทพ"ยังคงเดินหน้าประชุมต่อ โดยก.ตร.รับมติบอร์ดกลั่นกรองชุดใหม่แล้ว

เมื่อเวลา 13.55 น.วันที่ 16 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้วอร์คเอ้าท์ ออกจากห้องประชุม ก.ตร. ต่อมา พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เดินตามออกมาในเวลา 14.00 น. โดยร.ต.อ.ปุรชัย กล่าวว่า ตนยังยืนยันสาเหตุที่เดินทางออกจากห้องประชุมก.ตร. เพราะตนยึดมั่น ในหลักการ ที่ควรจะแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ก่อนพร้อมทั้งระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่จะรุ้สึกว่าพอใจหรือไม่พอใจอะไร แต่เป็นการแสดงว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วที่ประชุมมีความเห็นว่าอย่างไร ที่วอร์คเอ้าท์ออกมา ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พิชิตก็ได้แสดงความเห็นว่า จำนวนบอร์ดกลั่นกรองนั้น มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่เหมาะสม ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรืองใหญ่ควรหารือกันในที่ประชุม แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเวียนหนังสือว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ยึดติดในเรื่องตัวบุคคล แต่เรื่องนี้มันเคยมีปัญหาก็ควรนำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา แต่แม้เสียงส่วนใหญ่จะเห็นด้วย แต่จะให้ตนไปสนับสนุน มันผิดหลักการ มันทำไม่ได้

เมื่อถามว่า สาเหตุใดจึงไม่เห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว่า เสียงส่วนใหญ่ ต้องเห็นชอบด้วยหลักเกณฑ์และกฎหมายก่อน แต่ตอนนี้ เสียงส่วนใหญ่พยายามเห็นว่าทำได้ แต่จริง ๆ แล้วตามหลักการ ทำไม่ได้ ตนจึงไม่อยากร่วมรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะตนสอนวิชารัฐศาสตร์ ด้วยก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง

ต่อข้อถามที่ว่า การวอร์คเอ้าท์นั้น เป็นลักษระของการป่วนหรือไม่ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของหลักการณ์ เป็นเรื่องของคุณธรรม และการกระทำของตนไม่เกี่ยวกับการช่วยอเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะท่านก็เกษียณไปแล้ว พร้อมระบุถึงกรณีที่นสพ.หลายฉบับ เสนอข่าวเรื่องตนช่วยเหลือให้ลูกชายรับราชการตำรวจว่า ตอนนั้น ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ ต.ค. 2547 - 14 ม.ค. 2548 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้ารับราชการตำรวจของลูกชาย ตอนนั้น ลูกชายได้สมัครเป็นทหารเกณฑ์ 6 เดือน ได้มาปรึกษากับตนว่าจะไปยื่นใบสมัครเป็นตำรวจ โดยต้องการสายงาน ด้านฟิสิกซ์ ตามที่เขาจบมา แม้ตนเองก็มีความรู้ในระบบงานตำรวจดีว่าคืออะไร แต่ไม่ได้สนับสนุน เพราะคิดว่า ลูกชายโตแล้ว ตนก็คงไม่ได้ไปกำหนดชีวิตลูกชาย แม้เขาจะแต่งงานกับใครตนก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย แต่ก็ได้กำชับว่า ทำอย่างไรก็ได้แต่อย่าให้ตนไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้ว่า ตอนนั้น ตนจะเป็นประธานก.ตร.ก็ตาม แต่ในตำแหน่งประธานก.ตร. ไม่มีอำนาจในการรับคนมาเป็นข้าราชการตำรวจ เพราะในตำแหน่งนายร้อย จะเป็นอำนาจของผบ.ตร. ซึ่งมี พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ดำรงตำแหน่งอยู่ในสมัยนั้น และ พล.ต.อ.โกวิทย์ ลงนาม เมื่อวันที 7 เม.ย. พ.ศ. 2548 ตอนนั้น ตนได้หมดหน้าที่ รองนายกแล้วและวันแรกที่ลูกชายเข้าทำงานเมือวั้นที่ 20 เม.ย. 2548 ตนก็เดินทางไปหาภรรยาที่ประเทศ นิวซีแลนด์ ไม่ได้อยุ่ในประเทศไทย

ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวถึงกรณี มีหนังสือปิดผนึกเรื่องลูกชายของตน ส่งไปถึงบ้าน ก.ตร.บางท่าน ซึ่งตรงนี้ก็อยากให้แยกแยะ เรื่องของพ่อก็คือเรื่องของพ่อ เรื่องของลูกก็คือเรื่องของลูก

ต่อมา เวลา 15.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกมาจากห้องประชุม พร้อมกล่าวว่า ก.ตร. อนุมัติ ให้มีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองได้ และจากนั้น ตนจะเดินทางมาประชุมก.ตร.อีกครั้ง ในเวลา 17.00 น. ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.ปุระชัย และพล.ต.อ.พิชิต วอร์คเอ้าท์ก็ไม่มีปัญหา เพราะเสียงก.ตร.ที่มีอยู่ ก็สามารถดำเนินการประชุมได้

รายงานข่าว แจ้งว่า ขั้นตอนการรับ ร.ต.ท.ธรรมาธิปต์ เปี่ยมสมบูรณ์ ลูกชายของร.ต.อ.ปุระชัย เริ่มจากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ต้องการบรรจุข้าราชการตำรวจ โดยรับในคุณวุฒิด้านฟิสิกซ์ เพียง 1 นายเท่านั้นแต่ปราฏว่า ร.ต.ท.ธรรมาธิปต์ ไปติดขัด กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม การเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2547 ข้อ 2 (11) ที่กำหนดว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่มีสายตาผิดปกติ แต่ถ้าแพทย์ตรวจ ให้ตรวจไปตามปกติ ถ้าจะขอยกเว้นให้ สตช. เป็นผู้ยกเว้นว่าเป็นคุณสมบัติของบูคคลที่ต้องเข้ามา ซึ่งพล.ต.อ.โกวิทย์ ได้ดำเนินการยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ

ปัจจุบัน ร.ต.ท.ธรรมาธิปต์ ดำรงตำแหน่ง รองสว.สนว. ช่วยราชการ สำนักงาน พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผช.ผบ.ตร. เพื่อนร่วมรุ่น นรต.25 รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ.ปุระชัย

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงจำนวนของคณะกรรมการ ก.ตร. โดยรวมประธานก.ตร.ด้วย จะมีจำนวน 22 คน ก่อนหน้านี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิได้ลาออกไป 1 คน และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งทดแทน และวันนี้มีก.ตร.ขาดประชุม 4 คน วอร์คเอ้าท์ 2 คน และมีตำแหน่งผบ.ตร. รองผบ.ตร.อีก 2 คน ที่เกษียณอายุราชการโดยไม่มีการตั้งแทน ทำให้เหลือ จำนวนคณะกรรมในห้องประชุม 12 คน

ล่าสุดมีรายงานว่าที่ประชุมก.ตร.ได้เห็นชอบการแต่งตั้งโยกยย้ายข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.ถึง ผบ.ช.ทั่วประเทศแล้ว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook