รัฐ-เอกชนประสานเสียงศก.เริ่มฟื้นตัว

นายกฯอภิสิทธิ์ ปลื้มเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว เชื่อไตรมาส 2 ปีหน้าดึงการลงทุนเอกชนกลับคืนมา ด้านนักธุรกิจประสานเสียงเม็ดเงินภาครัฐกระตุ้นการบริโภค การค้าขายฟื้น ระบุภาคก่อสร้างรับอานิสงส์มากสุด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเสวนา "อนาคตไทย ภายใต้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง" ว่า เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะขยายตัว 3-3.5% หรือมากกว่านั้นในปี 2553 และการเติบโตของเศรษฐกิจจะไม่ใช่การขับเคลื่อนด้วยภาครัฐอีกต่อไป จะเห็นได้จากการบริโภคในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นและภายในไตรมาส 2 ปีหน้า การลงทุนภาคเอกชนน่าจะกลับมาขยายตัวได้อย่างชัดเจน ขณะที่ภาครัฐจะเร่งขจัดอุปสรรคการลงทุนของภาคเอกชนและสนับสนุนผ่านมาตรการต่างๆ รวมทั้งภาษีที่จะทยอยออกมาในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

นอกจากนั้นยังจะเน้นทำความเข้าใจจากผลกระทบต่างๆ ทั้งที่เกิดจากภาครัฐและเอกชน เช่น กรณีมาบตาพุดได้ทำความเข้าในกับทั้ง 76 โครงการให้มีความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรกและระยะที่ 2 ของรัฐบาลส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนตุลาคมน่าจะขยับขึ้นไปถึงระดับ 100 จากเดือนกันยายนที่อยู่ในระดับ 95.9 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ขึ้นมาเกิน 100 ทั้งนี้หากไตรมาส 4 ปีนี้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายขึ้น ก็มั่นใจว่าปีหน้าความเชื่อมั่นภาคเอกชนจะกลับคืนมา

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้การค้าขายของไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามา เริ่มเป็นการสั่งซื้อระยะยาวขึ้นจากเดิมระยะ 30 วัน เป็น 60-90 วัน และหากสถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องถึงไตรมาส 2 ปีหน้า ความเชื่อมั่นก็จะกลับคืนมา

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ช่วงไตรมาส 3 นั้นขยายตัว 5% แสดงให้เห็นว่าเอกชนเข้ามาขอกู้เงินเพื่อการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคก่อสร้างที่ได้รับอานิสงส์จากงบไทยเข้มแข็งกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งมีประมาณ 87% ของวงเงินที่ลงไปยังธุรกิจก่อสร้างทำให้ผู้รับเหมาน่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด