นครบาลตั้งทีมคลี่ปมยิง พธม.

นครบาลตั้งทีมคลี่ปมยิง พธม.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อภิสิทธิ์เตรียมปรับหน่วยข่าว

นายกฯอภิสิทธิ์เตรียมรับปรับหน่วยงานข่าวหลังเป็นจุดอ่อนมีเหตุร้ายบ่อย ขู่พวกตีข่าวมีบอมบ์ควรให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ นครบาลตั้งทีมคลี่คลายคดียิงถล่มพันธมิตรสุเมธ-อำนวยหัวหน้าชุดไล่ล่า ผบช.น. เชื่อ คนก่อเหตุใช้จังหวะปลอด จนท.จุดริมคลองหลอดแล้วก่อเหตุยิงบึ้ม ด้าน ผบก.น. 1 ขอภาพวงจรปิดดูภาพช่วงเกิดเหตุแล้วคาดจะได้เบาะแสเชื่อมโยงคนร้าย แจง ถูกตำหนิ พร้อมน้อมรับไปปรับปรุง ยันไม่มีใครเที่ยวอาบอบนวดแค่คำเปรียบเปรย ชี้ ผกก.สน.ชนะสงคราม ป่วยนอน รพ. ยันยังไม่เรียก เสธ.แดง สอบส่วน กลาโหม ระบุในพื้นที่มีทหารดูแลเข้มไม่มีคนนอกมาก่อกวนก่อเหตุ เสื้อแดงนัดชุมนุม 29 พ.ย. ลั่นไล่รัฐบาลจนออก ไม่ยุบสภาไม่เลิก

จากกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดการชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวง เพื่อแสดงพลังในการปกป้องสถาบัน แต่ระหว่างที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญ ขึ้นเวทีปราศรัยเกิดมีเสียงระเบิดดังหลังเวทีทำให้มีคนบาดเจ็บ 12 ราย เบื้องต้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจนพบว่าระเบิดดังกล่าวน่าจะเกิดจากการใช้เครื่องยิงเอ็ม 79 เข้ามาจากบริเวณศาลหลักเมือง นอกจากนี้ พล.ต.ท.วรพงษ์ ยังตำหนิการทำงานของตำรวจในการดูแลผู้ชุมนุมที่ไม่รัดกุมจนเกิดเหตุดังกล่าวด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 17 พ.ย. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า บก.น.1 ได้ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส. สน.ชนะสงคราม เป็นรองหัวหน้าชุด ส่วนการสืบสวนให้ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้า พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 รองหัวหน้า และฝ่ายกำลังมี พ.ต.อ.วิชาญ บริรักษ์กุล รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้า มี พ.ต.ท.เอกรัตน์ เปาอินทร์ รอง ผกก.ปป. สน.ชนะสงคราม เป็นรองหัวหน้า ขณะนี้ได้ประสานขอกล้องวงจรปิดจาก กทม. เพื่อตรวจสอบบุคคล กลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีมีข่าวว่าจะเรียก พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก มาสอบถามหรือไม่เพราะมีการพูดขึ้นก่อนจะมีการระเบิดทางเว็บไซต์ เสธ.แดงว่าอาจมีเหตุระเบิดเกิดขึ้น พล.ต.ต. วิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบไปถึงพยานหลักฐานว่าจะเกี่ยวพันถึงหรือไม่โดยตำรวจอาจจะเรียกมาสอบถามเพื่อเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคดีไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้ในการหาซื้อและการใช้อาวุธดังกล่าวก็หาง่าย ประชาชนธรรมดาก็ใช้ได้เช่นกัน ขณะที่จุดต้องสงสัยยิงระเบิดมาก็ไม่มีนัยอะไรแอบแฝง แต่จุดดังกล่าวเป็นจุดอับ และมีช่องทางหลบหนีหลายเส้นทาง ซึ่งทุกขั้นตอนเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามหลักฐาน

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท. วรพงษ์ ตำหนิการทำงานของตำรวจว่าเป็นเพียงการพูดเปรียบเปรยการทำงาน ไม่ใช่ว่าตำรวจไม่ดูแลหรือหนีไปเที่ยวอาบอบนวด เพราะทุกครั้งที่มีการชุมนาหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์ทั้งก่อนและหลังการชุมนุม ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า หลังเกิดเหตุ ผกก. มาช้ากว่าผบช.น. นั้นยืนยันว่าวันเกิดเหตุนั้น ผกก. สน.ชนะสงคราม ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีเพียงรอง ผกก. รักษาราชการแทน และก็อยู่ในพื้นที่เช่นกัน แต่ยอมรับว่าการทำงานมีบางจุดไม่ได้ดำเนินการตามแผนบ้าง แต่ก็ไม่ได้หละหลวม และพร้อมน้อมรับคำตำหนิเพื่อนำไปปรับปรุง

พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีตำรวจได้ออกมาระบุถึงการยิงเอ็ม 79 จากริมคลองหลอด หลังกระทรวงกลาโหมไปที่การชุมนุมว่า ตำรวจยังไม่ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมมาแต่ในพื้นที่ของศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมในช่วงวันหยุดจะมีการ รปภ. รักษาพื้นที่โดยรอบมีกำลังที่เดินรักษาการณ์อยู่ตลอด และมีการล้อมรอบรั้วศาลาว่าการ หรือในพื้นที่ รอบ ๆ ด้านหน้า หรือด้านคลองหลอด ที่เราล้อมปิดอยู่ บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่ นอกจากพื้นที่นอกความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหม

ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า คนที่ทำต้องการจะสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ชุมนุม ซึ่ง ผบช.น. ก็ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นจุดอ่อนของเจ้าหน้าที่ที่ดูแล และรักษาพื้นที่อยู่ที่ไม่ได้มีความรอบคอบ ไม่ได้ดูแลพื้นที่ให้ดีเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ประสงค์ไม่ดีเข้ามาดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ สำหรับการใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 79 บ่อยครั้งในการปฏิบัตินั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ยืนยันว่าไม่ได้มาจากบุคลากรของกองทัพอย่างแน่ นอนก็ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ตำรวจที่จะต้องดูแลต่อไป เราก็พยายามควบคุมเรื่องอาวุธสงคราม ส่วนการจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ในครั้งต่อไปก็ต้องดูเป็นกรณีไปมากกว่า

ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดหมายชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ โดยจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลและลานพระบรมรูปทรงม้าแต่จะไม่เข้าไปภายในทำเนียบและสถานที่ราชการอื่น ๆ และ จะไม่มีดาวกระจาย โดยเป้าหมายจะปิดฉากรัฐบาลให้ได้ก่อนวันที่ 4 ธ.ค. ทั้งนี้จะพักการชุมนุมในระหว่างวันที่ 3-5 ธ.ค.นี้ และหลังจากนั้นถ้ารัฐบาลยังอยู่ก็จะชุมนุมกดดันต่อไป ประเด็นสำคัญคือการตีแผ่การทุจริตในรัฐบาล อย่างไรก็ตามจะนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตที่โบนันซ่า เขาใหญ่ มาใช้ในการเคลื่อนไหวครั้งนี้

เราจะให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ส่วนข้อเรียกร้องของเราคือให้มีการยุบสภาแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยคนเสื้อแดงจะชุมนุมโดยสันติวิธี จะมามือเปล่า และพร้อมถูกยิง แต่ครั้งนี้เราจะไม่ยอมเจ็บฟรี เพราะมีบทเรียนจากสงกรานต์เลือดมาผมขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศ พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือกฎอัยการศึก อะไรก็ได้ที่อยากประกาศ แต่คนเสื้อแดงจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งนี้ในการชุมน่เกี่ยวข้องคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอนนี้รัฐบาลอย่าทำตัวเหิมเกริมมากนัก อย่าไปคิดว่าหากฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะจบ หาก พ.ต.ท.ทักษิณตายไป บ้านเมืองก็จะลุกเป็นไฟแน่นอน นายจตุพร กล่าว

ที่ บช.น. เวลา 15.00 น. พล.ต.ท. วรพงษ์ เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายยิงถล่มม็อบพันธมิตรฯ เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดีพร้อมเร่งรัดการสืบสวน โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของ บช.น. โดยมี พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านการสืบสวน และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. รับผิดชอบงานสอบสวน เพื่อเร่งสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของตำรวจได้เรียกมาสอบแล้ว และได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาเกือบทั้งหมด และมอบหมายงานให้ทีมสืบสวนไปสอบถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อรูปคดีอยู่ โดยการดูภาพจากกล้องจะต้องดูให้ละเอียด ซึ่งคงต้องอาศัยเวลาอีกสักระยะ เนื่องจากอาวุธดังกล่าวสามารถยิงตรงไหนก็ได้ คงใช้เวลาไม่มากไม่จำเป็นต้องแม่น เชื่อว่าคนร้ายเลือกเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินไปอีกจุดหนึ่ง การที่คนร้ายลงมือก่อเหตุได้เนื่องจากเรามีกำลังไม่เพียงพอ ส่วนกรณีพบวัตถุต้องสงสัยเป็นท่อพีวีซีที่บริเวณหน้าสยามกลการนั้นไม่มีอานุภาพไม่รุนแรงอาจเป็นคนที่มีจิตไม่ปกติ ไม่มีอะไรน่าตื่นตระหนก

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าว ว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนได้รับรายงานว่าบริเวณสะพานบริเวณคลองหลอดหลังกระทรวงกลาโหม เป็นจุดที่คาดว่ามีการยิงระเบิดออกมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำแผนที่มาให้ดูเพื่อแสดงว่าวางกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ตรงไหนบ้าง แต่บริเวณนั้นมีสถานที่ที่เจ้าหน้าที่จะต้องมีการเคลื่อนไหวตลอด จึงมีความเป็นไปได้ว่าช่วงที่เคลื่อนไหวอยู่ เมื่อกลุ่มนี้ผ่านมาก็ สามารถที่จะดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามตนได้บอกไปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองอยู่ในช่วงที่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนได้เตือนไว้ว่าอาจเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ เพราะมีคนแสดงออกต่อ สาธารณะอย่างชัดเจนว่าอาจมีเหตุการณ์อย่างนี้ ซึ่งตนคิดว่าคนเหล่านั้นจะต้องมาให้ความร่วมมือว่าทำไมจึงพูดเช่นนั้นไปก่อนหน้านี้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook