บอร์ดสปสช.หนุนทวงค่าสเต็นท์

บอร์ดสปสช.หนุนทวงค่าสเต็นท์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ว่าที่ประชุมได้พิจารณากรณีการเรียกเงินคืนค่าโครงลวดค้ำยันหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือสเต็นท์เคลือบยาจาก รพ. โดยบอร์ดสปสช. เห็นด้วยที่ สปสช. จะดำเนินการเรียกเงินคืนจาก รพ. 10 แห่ง ประมาณกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งการเรียกเงินคืนนั้นจะพิจารณาเฉพาะส่วนต่างที่เบิกเกินมาเท่านั้น หากทาง รพ. หาหลักฐานในการจัดซื้อมายืนยันได้ว่าซื้อมาราคา 8.5 หมื่นบาทต่อชิ้นก็ไม่ต้องเรียกเงินคืน แต่หากไม่มีหลักฐานก็ต้องคืนเงิน ทั้งนี้หาก รพ. ไม่ยอมคืนเงินก็คงต้องให้ศาลตัดสิน แต่ สปสช. ก็ยังคิดว่าสามารถที่จะเจรจาได้

นพ.วินัยยังกล่าวถึงการดำเนินการกับ รพ.เอกชนใน ก ที่จงใจเรียกเก็บเงินเกินจริงว่า กำลังรอสำนวนจาก นพ.ยุทธ โพธารามิก ประธานคณะอนุกรรมการหักค่าใช้จ่ายว่าจะสรุปมาอย่างไร ซึ่งหากพบว่ามีการจงใจ แนวทางที่จะดำเนินการได้คือ ตักเตือน และยกเลิกการเป็นคู่สัญญากับ สปสช. ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีการดำเนินการกับ รพ. อาจถูกมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ นพ.วินัย กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว เพราะสื่อมวลชนจับตาดูอยู่

นายนิมิตร์ เทียนอุดม บอร์ด สปสช. กล่าวว่า ทางเลขาธิการ สปสช. ได้ยืนยัน ต่อที่ประชุมว่า สปสช. มีสิทธิเรียกเงินคืนได้ ที่ประชุมก็เห็นชอบตามนั้น หากไม่ได้ก็ต้องไปว่ากันที่ศาล นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีมติให้ตักเตือน รพ.รัฐแห่งหนึ่งให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้ากรณีประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์สมองได้รับผลกระทบ เมื่อปี พ.ศ. 2546 จนญาติต้องนำไปรักษาที่ รพ.เอกชน ก่อนย้ายไป รพ.รัฐอีกแห่ง หมดเงินไป 2 ล้านบาท ทั้งนี้มอบให้กระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการต่อ ขณะเดียวกันได้ให้ รพ. คืนเงิน 2 ล้านบาท แล้วมาเบิกกับ สปสช.

ด้าน นพ.ยุทธ โพธารามิก ประธานคณะอนุกรรมการหักค่าใช้จ่าย กล่าวถึงกรณีที่มี รพ.เอกชนใน กท. 3 แห่ง จงใจเรียกเก็บเงินเกินจริงกรณีผู้ป่วยในว่า ได้พิจารณาแล้ว 1 รพ. เป็นการรักษาดวงตา แต่เหตุเกิดก่อนวันที่ 1 ก.ค. ที่ข้อบังคับปรับ 10 เท่ามีผลบังคับใช้ ดังนั้นจะสรุปสำนวนนำเสนอเลขาธิการ สปสช. พิจารณาต่อไป.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook