แก้ถุงมีชัยลื่นหลุดทำสายวัดเจ้าโลก

สธ.ผุดไอเดียขนายไทยเล็กไม่เท่าคนฝรั่ง

สธ.ไอเดียกระฉูด ทำสายวัดองคชาต แก้ปัญหาถุงยางอนามัยลื่นหลุด-ไม่กระชับ หลังพบชายไทยสวมผิดไซซ์ เสี่ยงติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เล็งทำโครงการต่อเนื่อง สำรวจขนาดอวัยวะเพศเยาวชนไทย ผลิตถุงยาง จูเนียร์ ตั้งเป้าลดตัวเลขผู้ติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคเอดส์พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มทั้งในกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มขายบริการ กลุ่มชายรักชาย ทหารเกณฑ์ และในกลุ่มวัยรุ่น แม้ว่าภาพรวม อัตราการติดเชื้อจะลดลง แต่ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่กลับเพิ่มขึ้นในกลุ่มชายรักชาย โดยปี 46 พบผู้ติดเชื้อ 17 เปอร์เซ็นต์ ปี 48 พบ 28 เปอร์เซ็นต์ และปี 50 เพิ่มขึ้นเป็น 32 เปอร์เซ็นทั้งผู้ที่ขายบริการและไม่ได้ขาย

นพ.สมยศ กล่าวว่า กรมควบคุมโรคตั้งเป้าในปี 54 ว่า ต้องลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ลง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยดึงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กว่า 7,000 แห่ง ทั่วประเทศ เข้าเป็นแนวร่วมด้วยการทำให้ประชาชนเข้าถึงถุงยางอนามัย ที่เป็นแนวคิดของกลุ่มเอ็นจีโอด้านโรคเอดส์เสนอโครงการ Condom for All ซึ่งแต่เดิม จะแจกถุงยางอนามัยให้กับกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น อย่างไร ก็ตามขณะนี้ทางสำนักโรคเอดส์ ได้คิดผลิต เครื่องมือวัดอวัยวะเพศชาย ขึ้นโดยเป็นสายวัดมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ทำจาก กระดาษใช้ครั้งเดียว ทั้งนี้ขนาดอวัยวะเพศของชายไทย เฉลี่ยจะอยู่ที่ 49-52 มิลลิเมตร ขณะถุงยางอนามัยที่จำหน่ายตามท้องตลาด จะมีขนาด 49 มิลลิเมตร 52 มิลลิเมตร และ 54 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดสำหรับชาวต่างประเทศ

การใส่ถุงยางอนามัยที่ใหญ่เกิน ไปอาจทำให้รู้สึกไม่กระชับ ลื่นหลุดได้ในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ และหากสวมใส่ขนาดที่เล็กไป จะทำให้เกิดการบีบรัด ซึ่งทั้ง 2 กรณีทำให้เกิดความกังวลจนความรู้สึกทางเพศลดลงได้ เป็นเหตุทำให้ผู้ชายไม่อยากสวมใส่ ส่งผลต่อการป้องกันเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากเลือกถุงยางอนามัยในขนาดที่เหมาะสมจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้อัตราการใช้ถุงอนามัยของไทยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้สำนักโรคเอดส์มีโครงการสำรวจขนาดอวัยวะเพศของเยาวชนชายและวัยรุ่นเพื่อผลิตถุงยางอนามัยในขนาดที่เหมาะสมอีกด้วย นพ.สมยศ กล่าว.