งัดกฎเหล็กคุม ส.ส.หนีป่วนสภาล่มเจอถอดแน่

งัดกฎเหล็กคุม ส.ส.หนีป่วนสภาล่มเจอถอดแน่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บรรณวิทย์ซัดบิ๊กบังหมดน้ำยาเปลืองตัวเปล่า ๆ ลงเล่นการเมืองช่วงนี้ ชี้มีอำนาจยังทำไม่สำเร็จ โทษ บิ๊กแอ้ด-บิ๊กบัง ทิ้งปัญหาเอาไว้ ลุงจิ้น ยินดีด้วย พล.อ. สนธิ ลงสนามเล่นเอง เผยวันข้างหน้าความร่วมมือเกิดได้ด้วยเหตุผล สภาเร่งถกกรอบจริยธรรม คุมส.ส.สันหลังยาว คาดโทษโดดร่ม 3 ครั้ง มีแววถูกถอดถอน วิทยา ค้านขึ้นเงินเดือน ส.ส.เท่ากัน โวยส.ส. ใกล้กรุงเทพฯ เบิกค่าเดินทางไม่ได้ พวกอยู่ไกลสภา จ่ายค่าเครื่องบินให้ รสนา สับเหลือบไรเพียบหวังดูดเงินเดือน ชวน เบรก สุเทพ หลังเสนอ 12 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ-สัมปทานลาออก ลั่นให้สู้คดีถึงที่สุด นายกฯ ย้ำการเมืองยังไม่นิ่ง มีคนไม่อยากให้จบ

* นายกฯรับการเมืองยังไม่จบ

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่โรงแรมอิมพี เรียล ควีนส์ปาร์ค ซอยสุขุมวิท 20 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเรื่อง จากไทยเข้มแข็ง สู่ไทยยั่งยืน ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาทุกเรื่อง โดยไม่หวั่นไหวต่อปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งยังไม่หมดแน่ เพราะบางคนไม่ต้องการให้มันจบ เรามีหน้าที่ในการแก้ไข แม้ยังมีความแตกต่าง แต่สิ่งที่ตนต้องทำให้ได้คือ ทำให้สังคมการเมืองไทยเข้าสู่ระบบการยอมรับความคิดที่แตกต่างได้

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนตั้งใจเต็มที่ว่าแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็จะเป็นแบบอย่างรัฐบาลที่เคารพในหลักการ หรือแนวปฏิบัติพื้นฐานของระบบรัฐสภา โดย ตนเป็นนายกฯที่นั่งในสภาและตอบกระทู้สดเปิดโอกาสให้ถ่ายทอดสด ซึ่งเหมือนกับที่อารยประเทศเขาทำกัน อีกทั้งตนเป็นคนที่พร้อมรับฟังคนที่มาชุมนุมประท้วง เรียกร้อง เอาข้อมูลมาดู เปิดโอกาสให้กลไกเข้าคลี่คลายปัญหา ซึ่งจะเป็นตัวที่ช่วยให้ระบอบประชาธิปไตยและระบบการเมืองไทย หยั่งรากและเข้มแข็งมากขึ้น ตนเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะทำให้เห็นภาพของความตั้งใจของรัฐบาลในการจะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่มองไปถึงอนาคตของประเทศได้อย่างชัดเจน

* 111รอคาถาปลุกวิญญาณ

นายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการยื่นร้องขอความเป็นธรรมหลังจากสองพยานปากเอกคดียุบพรรคไทยรักไทยออกมาเปิดเผยว่าถูกว่าจ้างให้เป็นพยานเท็จว่า ขณะนี้นายพงศ์เทพ เทพ กาญจนา อดีต รมว.ยุติธรรมและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างประสานงานกับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยรายอื่น ๆ จากนั้นจะต้องนัดหมายพูดคุยกันถึงรูปแบบการดำเนินการขั้นต่อไป

นายสุธรรม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อพยานหลักของคดียุบพรรคออกมาบอกว่าได้ให้การไม่ตรงตามความจริง พวกตนในฐานะผู้เสียหายก็มีสิทธิขอให้มีการรื้อคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ศาลรัฐธรรมนูญนำมาเทียบเคียงใช้ เพื่อให้ความจริงได้ปรากฏ ส่วนผลจะตามมาอย่างไรนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งการต่อสู้ตามช่องทางกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะร่วมดำเนินการด้วยหรือไม่นั้นยังไม่ได้พูดคุยกัน

* พท.ไม่ยุ่งรู้ปชป.รอเตะขัดขา

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นำสองพยานกรณียุบพรรคไทยรักไทยมาระบุว่าถูกจ้างวานให้การใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยว่า เรื่องนี้ทางพรรคเพื่อไทยจะไม่ดำเนินการยื่นเรื่องขอยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นหน้าที่ของบ้านเลขที่ 111 ในฐานะที่เป็นผู้เสียหายโดยตรง ที่จะไปฟ้องร้องหรือยื่นยุบพรรค ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งบ้านเลขที่ 111 ยังเป็นผู้มีชื่อเสียงมีความรู้ด้านกฎหมาย เขาคงไปดำเนินการเอง แต่ในนามของฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ของฝ่ายค้านโดยตั้งกระทู้สอบถามในสภาว่าการว่าจ้างให้พยานให้การเท็จถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายผิดหลักคุณธรรมศีลธรรมหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ทางพรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ พรรคเพื่อไทย ออกมายอมรับว่าเป็นผู้นำพยานมาเอง นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่หลงกล การเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าที่จะให้พรรคเพื่อไทยออกมายอมรับและจะโยงไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทย ตนรู้กฎหมายดี ไม่ใช่เฉพาะคนของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่อ่านกฎหมายเป็นเราไม่ตายน้ำตื้น ๆ

* เลื่อนถกกรอบจริยธรรมส.ส.

ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การประชุมร่วมของรัฐสภาวันนี้เหลือกรอบความร่วมมือที่จะพิจารณา 3 กรอบ โดยวิปสามฝ่ายได้เห็นชอบกรอบเวลาอภิปราย 6 ชั่วโมง โดยแบ่งเวลาให้วุฒิสภาและฝ่ายค้านอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง ส.ส.รัฐบาล 1 ชั่วโมง โดยรัฐบาลจะใช้เวลาชี้แจง 1 ชั่วโมง รวมทั้งวิปสามฝ่ายจะขอให้รัฐสภาพิจารณาตั้งกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมของรภา เพื่อให้ไปดำเนินการในช่วงปิดสมัยประชุม

นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้วิปจะขอเลื่อนขอความเห็นชอบของรัฐสภาในการเลื่อนวาระการพิจารณาร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม ที่คณะกรรมาธิการยกร่างเสร็จมาให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณา โดยจะขอเลื่อนการขอความเห็นชอบของรัฐสภาในการเลื่อนวาระการพิจารณาร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมที่คณะกรรมาธิการยกร่างเสร็จมาให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาได้ในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ส่วนสาระสำคัญของร่างประมวลจริยธรรมมีเนื้อหากำหนดบทบาทหน้าที่ของ ส.ส.และคณะกรรมาธิการให้ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาองค์ประชุมและการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิก

* ต้องร่างกติกาคุมทุกย่างก้าว

นายชินวรณ์ กล่าวว่า ร่างประมวลจริยธรรมมีข้อกำหนดชัดเจนในการมาประชุม, การปฏิบัติตัว ตลอดถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรม นูญที่ให้สมาชิกมีอิสระไม่มีผลประโยชน์ขัดกัน โดยร่างข้อบังคับยังได้กำหนดพฤติกรรมและการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมที่อาจนำไปสู่การถอดถอน รวมถึงบทลงโทษกรณีสมาชิกขาดประชุมเกิน 3 ครั้ง มีโอกาสที่จะถูกยื่นถอดถอนจากสมาชิกภาพได้ ทั้งนี้ประมวลจริยธรรมจะยกร่างให้สอดคล้องกับข้อบังคับการประชุมโดยยึดตามบทบาทและหน้าที่ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ

นายชินวรณ์ ยังกล่าวถึงการขึ้นเงินเดือน ส.ส.และ ส.ว.ว่า เป็นเรื่องของสมาชิกที่จะต้องดำเนินการตามข้อบังคับ แต่ต้องผ่านความเห็นชอบของสภาก่อน ตนถึงจะให้ความเห็นได้

* วิทยาชี้มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า

นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่วิปรัฐบาลเตรียมเสนอร่างแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 25 พ.ย.เพื่อให้เอาผิดกับ ส.ส.ที่ขาดประชุมได้ ว่า ข้อเท็จจริงคือเรื่องนี้มีมานานแล้ว ส่วนจะสามารถแก้ไขปัญหาสภาล่มได้หรือไม่ ตนคิดว่าต้องแยกให้ออกว่าสาเหตุที่ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมประชุมเพราะบางเรื่องเราก็ไม่เห็นด้วย แต่บางเรื่องเช่นกฎหมายกำนันผู้ใหญ่บ้านและกฎหมายปกครองท้องถิ่น ส.ส.ฝ่ายค้านเห็นด้วยก็ร่วมลงมติ แล้วมติออกมาเป็นเอกฉันท์

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับการนำประมวลจริยธรรมมาเอาผิดกับ ส.ส.ที่ขาดประชุม นายวิทยา กล่าวว่า ต้องถามว่าขาดแบบไหน เพราะการลาประชุมเขาก็อนุญาตอยู่แล้วหากมีเหตุมีผล เมื่อถามว่าถ้ามีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาในการประชุมสัปดาห์หน้าฝ่ายค้านจะสนับสนุนหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า คิดว่ามีเรื่องสำคัญมากกว่า สัปดาห์หน้าเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ฝ่ายค้านก็ขอตั้งกระทู้เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

* ค้านขึ้นเงินเดือนเท่ากันหมด

นายวิทยา ยังกล่าวถึงกรณีที่ครม. เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.ฎ.เงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของสมาชิกรัฐสภาว่า หาก ครม.เห็นชอบก็ต้องมาขอกรอบที่สภา แต่ส่วนตัวยังไม่รู้เลยว่าเรียกเป็นค่าอะไร แต่คงไม่ใช่เงินเดือน และไม่เห็นด้วยหากจะขึ้นเท่ากันทุกคน แต่ควรจัดสรรให้เท่าเทียมกัน ยกตัวอย่างตน เป็นส.ส.พระนครศรีอยุธยา หรือจังหวัดปริมณฑลนั่งรถมาก็เบิกค่าตอบแทนไม่ได้ แต่ส.ส.ที่อยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสนามบิน เดินทางมาด้วยเครื่องบินก็ให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นคนจ่ายเงินแทน ดังนั้นการพูดถึงเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมว่าพูดเรื่องอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีเสียงโจมตีเรื่องความเหมาะสม นายวิทยา กล่าวว่า ก็ต้องแยกให้ออกว่าพูดเรื่องอะไร ต้องบอกให้ชัดว่าที่เพิ่มเป็นค่าตอบแทนในส่วนไหน เพราะไม่ใช่เงินเดือนแน่นอน เมื่อถามว่าแต่ ส.ส.หลายคนก็ไม่ทำหน้าที่ นายวิทยา กล่าวว่า ส.ส.หลายคนแค่เก้าโมงก็มาอยู่ในห้อง ประชุมกรรมาธิการแล้ว จะไปว่าเขาไม่ได้ทำงานคงไม่ได้ เมื่อถามว่ากรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวน 50 คนที่โดดประชุมไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายกฯกัมพูชาและที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลเพราะ ส.ส.มีสิทธิลากิจได้ แต่ลาแล้วไปทำอะไรก็เป็นอีกเรื่อง

* รสนาสับเหลือบไรเพียบ

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุง เทพฯ กล่าวถึงการขึ้นเงินเดือน ส.ส.และ ส.ว.ว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะวันนี้นักการเมือง ยังทำงานไม่ได้ตามมาตรฐานที่สังคมคาดหวัง หากขึ้นกันจริง ๆ ต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โดยจะต้องมีระบบเปิดให้ประชาชนได้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของนักการเมืองอย่างใกล้ชิด อย่างน้อยต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รู้ข้อมูลว่าในสมัยประชุมส.ส.และส.ว.คนใด เข้าประชุมกี่ครั้ง เข้ามาแล้วร่วมประชุมและลงมติหรือไม่ หรือมาเซ็นชื่อแล้วออกไป มาประชุมครบเวลาตามที่กำหนดหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าที่ผ่ ส.ว.ประเภทเหลือบไรไม่ทำงานแต่อาศัยความเป็น ส.ส.หรือ ส.ว.เกาะอยู่ในสภาทำให้สภาไทยตกต่ำ

ก่อนคิดจะขึ้นเงินเดือนให้นักการเมือง สังคมต้องเอาสปอตไลต์มาส่องการทำงานของทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน รัฐสภาต้องเปิดเผยประวัติ ส.ส. และส.ว.ให้ประชาชนรับว่าใครทำงานจริงจังมากแค่ไหน เข้าประชุมกี่ครั้ง โหวตลงมติอย่างไร แล้วถ้าจะขึ้นเงินเดือนจริง ๆ ก็ขึ้นตาม เกณฑ์การทำงานที่แท้จริงไม่ใช่ขึ้นพร้อมกันหมดทุกคน น.ส.รสนา กล่าว

* 12ส.ส.ถือหุ้นงัดข้อ สุเทพ

ที่รัฐสภา นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคำชี้แจงของ 12 ส.ส.ที่ถูก กกต.ชี้ว่าขาดคุณสมบัติเนื่องจากถือหุ้นสื่อและบริษัทสัมปทานว่า ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ตนจะตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด เพื่อรวบรวมส่งศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 23 พ.ย.นี้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า หลังจากที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตัดสินใจลาออกจากส.ส.สุราษฎร์ธานี หลังจากกกต.ได้วินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส.นั้น ปรากฏว่านายสุเทพ ได้ส่งสัญญาณให้คณะทำงานพิจารณาว่า ใน 12 ส.ส. มี ส.ส.คนใดที่อยู่ในข่ายที่อาจจะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ขาดคุณสมบัติ ตามที่กกต.เสนอมา ให้คณะทำงานฝ่ายกฎหมายส่งสัญญาณไปที่ ส.ส.คนดังกล่าว ให้ลาออก เพื่อจะได้จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมในช่วงปิดสมัยประชุมสภา จะได้ไม่กระทบต่อองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้ส่งสัญญาณมาเช่นกันว่า ขอให้ 12 ส.ส. สู้คดีให้ถึงที่สุด

* ชวรัตน์ยินดีกับบิ๊กบัง

ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เวลา 11.30 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ และหัวหน้าคณะปฏิวัติ 19 ก.ย. 49 ประกาศเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตย เบ่งบาน ซึ่งตนก็ได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีไปด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค ภท.มีโอกาสร่วมงานกับพรรคมาตุภูมิหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า การเมืองต้องมีความร่วมมือกัน แต่จะร่วมมือกับใครก็อยู่ที่เหตุผล ความเหมาะสมของสถานการณ์ในขณะนั้น เมื่อถามว่า แต่พรรค มาตุภูมิประกาศจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย นายชวรัตน์ กล่าวว่า นั้นเป็นนโยบายของพรรคเขา

* บิ๊กบรรณตอกโอกาสปิดแล้ว

พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. ประกาศตัวรับเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิว่า การที่พล.อ.สนธิ เข้ามาเล่นการเมืองในตอนนี้เพื่อที่จะมาเป็นนายกฯ เป็นการคิดที่ผิด เพราะการที่ท่านเป็นประธาน คมช. แล้วลงมาเล่นการเมืองมันไม่สมควร เพราะตอนนั้นที่ พล.อ.สนธิ ทำการปฏิวัติเพื่อประโยชน์ของประเทศ ถ้าในช่วงที่ท่านเป็นประธาน คมช.แล้วสะสางปัญหาต่าง ๆ ให้หมดก็สามารถที่จะทำได้ และเหตุการณ์วุ่นวายที่มีอยู่ขณะนี้ก็เป็นเพราะท่านและพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ

เมื่อถามว่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่าจะเข้ามาเป็นนักการเมือง เพื่อมาสลายกลุ่ม ต่าง ๆ ให้มาเป็นขั้วเดียวกัน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า เมื่อตอนที่เป็นประธาน คมช. มีอำนาจล้นฟ้ายังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วไปเป็นนักการเมือง จะได้ส.ส.ซักเท่าไหร่ รวมถึงทุนที่จะเล่นการเมืองจะไปเอามาจากไหน เมื่อถามอีกว่า ตอนที่ พล.อ.สนธิ เป็นประธานคมช. อยู่นั้น เคยปฏิเสธที่จะเล่นการเมือง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ควรที่จะทำตามมุ่งหมายเดิมไม่ควรที่จะกลับคำแล้วมาเล่นการเมือง เพราะโอกาสของท่านหมดแล้ว การที่ลงมาเล่นการเมืองในพรรคที่มีขนาดกลางและเล็กแล้วบอกว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็ไม่สามารถที่จะทำได้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook