คลังเตรียมแก้กฎหมายคุมค่ารักษาพยาบาล

คลังเตรียมแก้กฎหมายคุมค่ารักษาพยาบาล

คลังเตรียมแก้กฎหมายคุมค่ารักษาพยาบาล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คลังเตรียมแก้กฎหมายคุมค่ารักษาพยาบาล หลังแนวโน้มตัวเลขพุ่งสูงแตะหลัก 1 แสนล้านบาท ในปี"53 ส่งผลเป็นภาระงบประมาณของรัฐบาล

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมกรมบัญชีกลาง กล่าวในงานสัมมนา หลักประกันความมั่นคงเพื่อการดำรงชีวิตที่มั่นใจ ที่จัดโดยสมาคมประกันชีวิตไทย ว่า การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการในปัจจุบันโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เกษียณอายุราชการมีการเบิกจ่ายสูงมากทำให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 61,000 ล้านบาท ในปี 2552 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 70,565 ล้านบาท ในปี 2553 เพิ่มเป็น 105,220 ล้านบาท และสูงถึง 156,623 ล้านบาท ในปี 2563 เป็นภาระต่องบประมาณของรัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณให้กับราชการผ่านกองทุนประเภทต่างๆ เช่น กองทุนประกันสังคม ในการรักษาพยาบาลปัจจุบันที่ 200,000 ล้านบาทต่อปี จะเพิ่มเป็น 500,000 ล้านบาทใน 10 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง จึงต้องแก้ไขพระราชกฤษฎีกาค่ารักษาพยาบาล ปี 2523 รวมถึงกำหนดมาตรการต่างๆ ควบคุมค่าใช้จ่ายให้เกิดความเหมาะสม เช่น กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ข้าราชการและบุคคลในครอบครัวหากทำประกันสุขภาพจะต้องเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทประกัน โดยห้ามเบิกจ่ายจากกรมบัญชีกลาง ดังนั้น จึงต้องแก้ไขให้ข้าราชการและบุคคลในครอบครัวที่ทำประกันสุขภาพสามารถเบิกจ่ายทั้งจากบริษัทประกัน และกรมบัญชีกลาง โดยเบิกได้ทั้ง 2 ทาง รวมกันไม่เกินค่าใช้จ่ายจริง การแก้ไขให้ข้าราชการเบิกจ่าย ในการบำรุงรักษาดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อไม่ต้องใช้เงินรักษาพยาบาลจำนวนมากเมื่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บในยามชรา

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขให้ข้าราชการรักษาพยาบาลรักษาโรงพยาบาลเอกชนได้ จากเดิมให้รักษาเฉพาะกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ การแก้ไขการขยายสิทธิ์ของบุคคลในครอบครัวสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ถึงแม้ว่าผู้มีสิทธิ์จะเสียชีวิตแล้วก็ตาม จากเดิมที่หากผู้สิทธิ์เสียชีวิตจะไม่สามารถเบิกจ่ายได้ โดยการแก้ไขกฎหมายและส่งเสริมให้ประชาชนหันมาทำประกันชีวิตเพิ่มขึ้นจะต้องหารือกับสมาคมฯในกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อนำไปสู่การดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดงบประมาณ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้

นายกฤษฎา อุทยานิน ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า เพื่อลดภาระการพึ่งพางบประมาณดูแลสุขภาพส่วนหนึ่งต้องพยามหาประชาชนพึ่งพาต้นเองให้ความสำคัญในการออมเงินในยามเกษียณอายุ ขณะที่รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงาน สร้างความเข็มแข็งของชุมชนแห่งชาติจัดทำนโยบาบสนับสนุนสวัสดิการชุมชนให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยการขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการชุมชนให้ครอบคลุมตำบลทั่วประเทศ 7,938 แห่ง ใช้งบประมาณกว่า 4,528 ล้านบาท ในช่วงงบประมาณ ปี 2553-2555 เช่น ส่งเสริมการตั้งกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ กลุ่มออมธุรกิจชุมชน กลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์กรออมทรัพย์ในชนบท มีอยู่ 64,952 องค์กร มีสมาชิกกว่า 16 ล้านคน มีเงินออมกว่า 15,798 ล้านบาท จึงต้องสนับสนุนให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น

ประกันขอเพิ่มลดหย่อนภาษีจาก 5 หมื่นเป็น 1 แสนบาท

นายสาระ ล่ำซ่ำ นายากสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลังจะส่งเสริมให้ประชาชนและข้าราชการเข้ามาสู่ระบบประกันมากขึ้น จึงมีข้อเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเบี้ยประกันสุขภาพหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี เพราะขณะนี้ มีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น ไข้หวัด 2009 รวมทั้งจะเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐบาล และจะเสนอขอให้นำค่าใช้จ่ายเบี้ยประกัน ในการซื้อประกันบำเหน็จบำนาญมาหักลดหย่อนภาษีไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อดึงดูดให้ประชาชนเข้าสู่ระบบประกันมากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook