เร่งทำมาตรฐานบัญชียาสมุนไพร

เร่งทำมาตรฐานบัญชียาสมุนไพร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ายาสมุนไพรไทย ว่า สธ.มีนโยบายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรไทย โดยให้โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ใช้ยาสมุนไพรที่มีผลการวิจัยรับรองประสิทธิภาพในการรักษาทดแทนยาแผนปัจจุบัน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ส่วนโรงพยาบาลชุมชนใช้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการซื้อยาแผนปัจจุบันที่มีราคาแพง ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งสามารถผลิตยาสมุนไพรไทยโดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เพิ่มรายได้แก่ประชาชนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย

นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ปรึกษาหารือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ไขประกาศของกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเบิกค่ายาสมุนไพร ซึ่งให้เบิกได้เฉพาะยาสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่มีเพียง 19 รายการเท่านั้น เนื่องจากยังไม่ครอบคลุมโรค หรืออาการที่สามารถใช้การรักษาด้วยการแพทย์แผนไทย จึงได้ยกเลิกประกาศดังกล่าวและให้กลับไปใช้หลักเกณฑ์ คือให้เบิกค่ายาสมุนไพรได้ 3 ประเภท ได้แก่ ยาสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาสมุนไพรที่สถานพยาบาลแต่ละแห่งผลิตเอง และยาสมุนไพรที่อยู่ในรายการบัญชียาของสถานพยาบาลแต่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่การใช้ยาดังกล่าวจะต้องให้แพทย์วินิจฉัยความจำเป็นในการใช้ และมีใบรับรองในการเบิกค่ายาไปก่อน ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่งจัดทำบัญชียาสมุน ไพรของสถานพยาบาลให้เสร็จสมบูรณ์ ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อใช้เป็นรายการยาสมุนไพรที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และสามารถเบิกจ่ายได้

ด้านพญ.วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ได้ทำหนังสือแจ้งหลักเกณฑ์การเบิกค่ายาสมุนไพรไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลทั้งในและนอกสังกัดทุกแห่งแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลบัญชียาสมุนไพรที่สถานพยาบาลต่าง ๆ ผลิตเองหรือจัดหาเพื่อให้บริการแก่ผู้ป่วย และส่งให้คณะกรรมการพิจารณารายการยาสมุนไพรนำมาจัดทำบัญชียาสมุนไพรของสถานพยาบาล ส่งให้กรมบัญชีกลางพิจารณาร่วมกัน โดยจะประกาศใช้เป็นบัญชียาสมุนไพรมาตรฐานของประเทศภายใน 31 ธ.ค.นี้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook