ญาติเคลื่อนศพ สมัคร ตั้งวัดเบญฯพรุ่งนี้
สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯถึงแก่อสัญกรรมที่รพ.บำรุงราษฎร์ ญาติจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพพรุ่งนี้ (25พ.ย.) ที่ศาลา 100 ปี วัดเบญฯ ด้าน ทักษิณ แสดงความเสียใจกับครอบครัว สมัคร ขณะที่ผอ.รพ.บำรุงราษฎร์ ชี้ มะเร็งตับคร่าชีวิตอดีตนายกฯ ระบุ ตับหยุดทำงานร่างกายรับสภาพไม่ไหว
(24พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.48 น. นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 25 ที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการป่วยโรคมะเร็งตับ ที่ รพ.บำรุงราษฏร์ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยความสงบ โดยอา การของนายสมัครได้ทรุดหนัก และวันที่ 23 พฤศจิกายน แพทย์นำเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู แต่อาการไม่ดีขึ้น ที่สุดถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 74 ปี
โดยทางญาติได้เตรียมเคลื่อนศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พร้อมจัดให้มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ วันที่ 25 พฤศจิกายน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00 น. พญ.จามรี เชื้อเพชระโสภณ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์โรงพยา บาลบำรุงราษฎร์ ได้อ่านแถลงการณ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรณีการถึงอสัญกรรมของฯพณฯสมัคร สนุทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขอแจ้งให้ทราบว่าฯพณฯสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถึงอสัญกรรม เมื่อเช้าวันนี้(24 พ.ย.) เวลา 8.48 น. ด้วยอาการสงบหลังจากที่เข้ารักษาตัวด้วยอาการของโรคมะเร็งตับ ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2552 ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องของพิธีการทางศาสนานั้นทางญาติจะเป็นผู้ดำเนินการเอง ส่วนเวลาของการเคลื่อนย้ายศพยังไม่สามารถแจ้งเวลาที่แน่นอนให้ทราบได้
พญ.จามรี กล่าวอีกว่า สำหรับอาการนายสมัครนั้น ได้เข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งตับ ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายและปกติเวลาคนเป็นมะเร็งตับ ตับจะไม่ทำงาน เมื่อตับไม่ทำงานร่างกายจึงรับไม่ไหวจึงทำให้ไม่รู้ตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครไม่รู้ตัวมานานกี่วันแล้ว พญ.จามรี กล่าวว่า ส่วนใหญ่นายสมัครรู้ ตัวดี และสามารถคุยกับครอบครัวได้ เพิ่งไม่รู้สึกตัวในเช้าของวันนี้ ที่ผ่านมาการรักษาของแพทย์ในระยะหลังๆ แจะใช้วิธีการแบบประคับประคองตามอาการ
นายสมัคร สุนทรเวช ได้เดินทางไปรักษาโรคมะเร็งที่ขั้วตับ ที่ลอส แองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2551 และกลับมาเมืองไทย วันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2552 หลังนายสมัคร เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ก็พักฟื้นที่บ้านมาตลอดและไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชน และไม่มีข่าวความเคลื่อนไหว หรือการรักษาตัวแต่อย่างใด ก่อนเข้ารักษาตัวโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในเวลาต่อ
ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสข้อความในทวิตเตอร์ ความว่า "ผมและครอบครัวขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ของฯพณฯสมัคร สุนทรเวชมา ณ ที่นี้ด้วยครับและไม่สามารถไปร่วมงานด้วยตัวเอง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการอสัญกรรมของนายสมัคร สุนทรเวชา อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าที่ผานมา บรรยากาศที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีบรรดาสื่อมวลชน มาติดตามทำข่าวจำนวนมาก แต่โรงพยาบาลไม่อนุญาติให้ขึ้นไปที่ห้องไอซียู ชั้น 5 อาคารผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นห้องที่นายสมัครนอน พักรักษาตัว ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องอยู่หน้าอาคารารผู้ป่วยนอก ทั้งนี้นายเคารพ วงศ์ประเสริฐ ผู้จัดการอาวุโสแผนกสื่อสารและประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ออกมายืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า นายสมัครถึง แก่อนิจกรรม เมื่อเวลา 08.48 นาที ซึ่งโรงพยาบาลได้แจ้งให้ครอบครัวทราบแล้ว และครอบครัวยังไม่ได้แจ้งกับโรงพยาบาลจะมีการเคลื่อนย้ายศพ เมื่อใด แต่ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า จะเคลื่อนย้ายศพไปที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ต่อมาพล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ รักษาการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาเคารพศพนายสมัคร ได้กล่าวว่า มีความสนิทสนม และให้ความเคารพนายสมัคร เพราะสมัยเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ตนดูแลบ้านพักของนายสมัคร การจากไปครั้งนี้ของนายสมัคร ถือเป็นการสูญเสียผู้นำและนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ ส่วนการอำนวยความสะดวกก็จะสอบถามกับทางญาติว่าต้องการความช่วยเหลืออย่างไร บ้าง ซึ่งตำรวจเตรียมจัดรถนำขบวนเพื่อเคลื่อนย้ายศพไว้ให้แล้ว
เมื่อ เวลา 11.10 น. ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบไปยังนายชัยสิทธิ์ ภูวภิรมย์ขวัญ อดีตเลขานุการผู้ว่ากทม. และนักการเมืองที่ทำงานใกล้ชิดนายสมัคร เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลได้ทำการฉีดยาศพ และแต่งตัวศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยญาติของนายสมัครตกลง จะเคลื่อนไหวของนายสมัครวัน พรุ่งนี้ แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอนเพื่อไปรดน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดเบญจมบพิตร ในเวลา 15.00 น. โดยน้ำหลวงอาบศพจะเดินทางมาถึงวัดในเวลา 17.00 น.
ส่วนจะมีการตั้งสวดอภิธรรมศพเป็นเวลาเท่าใดนั้น ทางญาติจะหารืออีกครั้ง ในขณะที่บรรดาญาติหลังจากที่ทราบข่าวการจากไปของนายสมัคร ก็ต่างได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลกันอย่างพร้อมหน้า ทั้งคุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช และบุตรสาวฝาแฝด บุตรเขย และหลาน รวมทั้งเครือญาติของนายสมัครจำนวนมากกว่า 30 คน ขณะที่ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดและนักการเมืองมีเพียงตน และนายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาฯเพียงสองคนเท่านั้น
