ปินส์ประกาศฉุกเฉินเหตุสังหารหมู่

ผู้สื่อข่าวสังเวยชีวิตด้วย12ศพ

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ภายหลังเหตุการณ์สังหารหมู่อย่างน้อย 46 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้รวมทั้งนักข่าว 12 ศพ สาเหตุมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่ ทางการสั่งปลดและควบคุมตัวรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรเอาไว้

นายเซอร์กี เรมอนด์ โฆษกประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย แห่งฟิลิปปินส์ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ประธานาธิบดีอาร์โรโย ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายพื้นที่ของภาคใต้และส่งทหารลงพื้นที่เพิ่มขึ้น ภายหลังเกิดเหตุสังหารหมู่มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 46 ศพ โดยคำประกาศดังกล่าวครอบคลุมจังหวัดมากูอินดาเนา ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมทั้งพื้นที่ใกล้เคียงอีก 2 จังหวัด ที่รวมกันแล้วมีประชากรทั้งสิ้น 1.54 ล้านคน

นอกจากนี้ ประาธิบดีอาร์โรโย ระบุด้วยว่า ทางการจำเป็นต้องเร่งป้องกันและยับยั้งการก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีกในพื้นที่ และการประกาศภาวะฉุกเฉินยังให้อำนาจทหารในการประกาศเคอร์ฟิว หรือการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลาที่กำหนด พร้อมกับตั้งจุดตรวจ และค้นบ้านทุกหลังที่ต้องสงสัย

ข่าวแจ้งว่า กลุ่มมือปืนประมาณ 100 คนได้เข้าปล้นขบวนของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะมีขึ้นในกลางปีหน้า จากนั้นได้สังหารหมู่ไม่น้อยกว่า 46 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักข่าว 12 ศพ และนักการเมืองท้องถิ่นหลายสิบราย ตำรวจบอกว่า ก่อนหน้านี้พบศพผู้เสียชีวิตเพียง 22 ราย แต่ต่อมาได้พบเพิ่มอีกกว่า 20 ศพ ทำให้ตอนนี้ยอดคนตายเป็น 46 ศพ

ขณะเดียวกัน รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้สั่งปลดนายซูการ์โน ดีเคย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดมากูอินดาเนา และควบคุมตัวเอาไว้ เนื่องจากตำรจระดับผู้ช่วยของเขา 3 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ครั้งนี้ ด้าน นายเอสมาเอล มานกูดาดาตู นักการเมืองท้องถิ่นบอกว่า ภรรยาและญาติของเขาหลายคนอยู่ในกลุ่มผู้ถูกสังหาร และมีผู้รอดชีวิต 4 คนที่อยู่ในความดูแลแล้ว

ส่วนพลตำรวจเอกจีซุส เวอร์โซซา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากสมาชิกคนอื่น ๆ ของกลุ่มคนที่ถูกลักพาตัวไปมากกว่า 40 คนยังสูญหาย ทั้งนี้การสังหารหมู่อันน่าสยดสยองเกิดขึ้นบนเขา ห่างจากทางหลวงเพียง 7 กิโลเมตร โดยฝีมือของกลุ่มมือปืนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลรายหนึ่งในพื้น