ก.วิทย์ฯ เผยสารฟอกขาวรั่วไหลที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรีอาจส่งผลให้ผู้รับปริมาณมากตาบอดได้

ก.วิทย์ฯ เผยสารฟอกขาวรั่วไหลที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรีอาจส่งผลให้ผู้รับปริมาณมากตาบอดได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผย สารฟอกขาวรั่วไหลที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี อาจส่งผลให้ผู้รับปริมาณมากตาบอดได้ พร้อมแนะรัฐประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยง ดร.สุทธิเวช ต.แสงจันทร์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงเหตุการณ์สารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ว่า สารที่รั่วไหลเป็นสารโซเดียมเฟอริซัลเฟต หรือสารฟอกขาว มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว ละลายน้ำได้ดี เมื่อละลายน้ำจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีกลายเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อ หรือฟอกขาวได้ในสภาวะปกติไม่ติดไฟ แต่หากมีความเข้มข้นมากและเจอกับอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสขึ้นไปจะเกิดการระเบิดรุนแรง ทำให้ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งมีกลิ่นเหม็นรุนแรง และเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง เกิดผื่นแดง กัดเยื่อตา จมูก และระบบทางเดินหายใจ และหากได้รับในปริมาณมากอาจทำให้ตาบอดได้ ทั้งนี้ ควรจะประกาศให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่ไม่ควรมีชุมชนอาศัยอยู่โดยรอบอย่างน้อย 1 กิโลเมตร รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า สารชนิดนี้ต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส พ้นจากแสงแดด และความชื้น อีกทั้ง ยังต้องเก็บแยกจากสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด โลหะ และสารอินทรีย์ แต่หากเกิดอุบัติเหตุ ต้องทำการปฐมพยาบาลโดยการนำผู้ได้รับสารพิษออกไปนอกพื้นที่ ให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์ และใช้น้ำล้างสารออก เนื่องจากสารฟอกขาวละลายน้ำได้ดี อย่างไรก็ตาม หากเกิดเพลิงไหม้จากสารชนิดนี้ควรฉีดละอองน้ำเข้าไปในพื้นที่ และปรับค่าความเป็นกรดด่างของน้ำที่ใช้ชำระสาร ก่อนจะปล่อยออกสู่ธรรมชาติ ซึ่งสารนี้สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยใช้ระยะเวลา 1 ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook