พ.ต.ต. กร่าง!!! ยกพวกนับสิบตื้บ อาม่าวัย 60 บนโรงพัก

พ.ต.ต. กร่าง!!! ยกพวกนับสิบตื้บ อาม่าวัย 60 บนโรงพัก

พ.ต.ต. กร่าง!!! ยกพวกนับสิบตื้บ อาม่าวัย 60 บนโรงพัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"พ.ต.ต." กร่างยกพวกนับสิบ รุมตื้บอาม่าวัย 60 บนสน.เพชรเกษม หลังลูกน้องโทรตามมาช่วยเคลียร์คดีบุกรุก ถูกรวบทันควันบนโรงพัก ยังเบ่งอ้างเป็นเด็กพล.ต.ท.คนดัง แถมมีบิ๊กตร.โทรขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ผกก.เพชรเกษมไม่สน สั่งแจ้งข้อหา เหยื่อยันเอาเรื่องถึงทื่สุด

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ขณะที่ ร.ต.ท.ภานุทัศน์ คิดนอก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เพชรเกษม กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจนำคู่กรณีเหตุบุกรุกมาส่งตัวให้ คือ นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม. แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจึงปล่อยให้ทั้งคู่นั่งเจรจากัน โดยพนักงานสอบสวนพยายามจะไกล่เกลี่ยให้ยอมความกัน เนื่องจากบ้านหลังที่เกิดเหตุเดิมเป็นของนางธนิดา แต่ต่อมาได้โอนให้เป็นของ น.ส.อรอนงค์ พินิจพงษ์พันธ์ อายุ 37 ปี ลูกสะใภ้ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับลูกชายของตัวเอง ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงกับบ้านของนางธนิดา และปกตินางธนิดาจะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยในบ้านเป็นประจำ

กระทั่งก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. นางธนิดาสังเกตเห็นว่าภายในบ้านของลูกสะใภ้เปิดไฟทิ้งไว้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ จึงเข้าไปดูก็พบ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่ในบ้านกับเพื่อน โดย ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ยืนยันว่าได้เช่าบ้านหลังนี้จาก น.ส.อรอนงค์ แล้วโดยจ่ายค่าเช่าในราคาเดือนละ 2 หมื่นบาท และมีการทำสัญญาเช่าถูกต้อง แต่นางธนิดายืนยันว่าไม่ทราบเรื่องและบอกให้รอลูกชาย ซึ่งบวชพระอยู่สึกออกมาเสียก่อน ทำให้การเจรจาไม่เป็นผล จึงเรียกเจ้าหน้าที่สายตรวจมารับตัวไปตกลงกันบนโรงพัก

ระหว่างที่พนักงานสอบสวนซึ่งอยู่ในห้อง 3 คน กำลังสอบสวนผู้ต้องหาคดีอื่น โดยต่างแยกย้ายกันไปสอบสวน เหลือเพียงนางธนิดา และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่ในห้องกันตามลำพัง ปรากฏว่า ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ได้โทรศัพท์ตามลูกพี่และลูกน้องมา 10 คน ซึ่งเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งหมด นำโดย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมาถึงหนึ่งในกลุ่มนั้นได้เรียก นายยุทธนา กลิ่นขจร อายุ 33 ปี ลูกเขยของนางธนิดา ที่เดินทางตามมาทีหลังให้ออกมาตกลงกันที่ลานจอดรถข้างโรงพัก แต่นายยุทธนาไม่ยอมไป ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ กรูกันเข้ามาประมาณ 5 คน อีก 5 คน ยืนคุมเชิงและล็อกประตูห้องสอบสวนไว้ ก่อนที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิจะชกนายยุทธนาเข้าที่ปลายคาง ก่อนเข้าตะลุมบอนจนนายยุทธนาได้รับบาดเจ็บและทรุดลงไปกองกับพื้น

จังหวะนั้นนางธนิดาพยายามเข้าห้ามปราม ก็ถูก พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ชกเข้าที่ใบหน้าจนหน้าตาบวมช้ำ มีแผลแตกฟุบลงไปกับพื้นก็ถูกเท้าเหยียบหน้าไว้ ระหว่างนั้น ด.ต.วีระ ภู่ฤทธิ์ ตำรวจที่เข้าเวรห้องวิทยุใกล้ห้องพนักงานสอบสวนเห็นจึงเข้ามาห้าม ทำให้กลุ่มของ พ.ต.ต.อรรถวุฒิแตกฮือแยกย้ายกันหลบหนี แต่ ด.ต.วีระ และ ด.ต.สายัณห์ ศรีสุวรรณ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ช่วยกันจับกุม พ.ต.ต.อรรถวุฒิไว้ได้คนเดียว ขณะควบคุมตัวนั้น พ.ต.ต.อรรถวุฒิได้แสดงบัตรตำรวจ อ้างว่าอยู่ในชุดทำงานของ พล.ต.ท.คนหนึ่ง แต่ตำรวจไม่สนใจ ค้นตัวพบอาวุธปืนกล็อก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ขึ้นลำพร้อมยิง ภายในมีกระสุน 9 นัด และโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นประกันตัวด้วยเงิน 3 หมื่นบาท

หลังจากประกันตัวไป ได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่โทรศัพท์มาเจรจาขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แต่ พ.ต.อ.อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม ไม่ยินยอม ก่อนรีบรายงาน พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 รับทราบ พล.ต.ต.กรีรินทร์จึงสั่งดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด เพราะกระทำการเกินกว่าเหตุบนโรงพัก และพิจารณาเงินรางวัลตามโครงการจับทันควันจ่ายทันที 24 ชั่วโมงให้แก่ชุดจับกุม และกำชับพนักงานสอบสวนให้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมดเป็นการเร่งด่วน

นายยุทธนากล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้บนโรงพัก ในห้องพนักงานสอบสวน ทั้งที่น่าจะปลอดภัยที่สุด และคนกระทำเป็นตำรวจที่บังคับใช้กฎหมาย ลำพังแค่ทำกับตนคนเดียวก็ไม่มีทางสู้อยู่แล้ว แต่ยังไปทำกับแม่ยายที่อายุมากแล้ว ยืนยันจะดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด

พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า ได้กำชับให้ดำเนินคดีอย่างยุติธรรม ไม่เข้าข้างสีเดียวกัน แม้ผู้ต้องหาจะเป็นตำรวจ แต่กระทำการละเมิดกฎหมาย ปกป้องไม่ได้ ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหานั้น ยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้ กฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook