พ.ต.ต.แจงตื้บ อาม่า เรื่องเข้าใจผิด

พ.ต.ต.แจงตื้บ อาม่า เรื่องเข้าใจผิด

พ.ต.ต.แจงตื้บ อาม่า เรื่องเข้าใจผิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบก. น.9.สั่งดำเนินคดีเฉียบขาด พ.ต.ต.กร่างยกพวกรุมทำร้าย อาม่า บนโรงพัก ด้าน พ.ต.ต.อรรถวุฒิ ยันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ได้รุมทำร้ายตามที่เป็นข่าว

(1ธ.ค.) เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณี พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมพวกบุกทำร้ายร่างกาย นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี บน สน.เพชรเกษม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่า ได้กำชับให้ ผกก.สน.เพชรเกษม ดูแลเรื่องนี้โดยตรงและให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะผู้เสียหาย หากสอบสวนพบว่ามีใครเกี่ยวข้องให้ดำเนินคดีทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด

"ตอนนี้ก็มีการจับกุมพ.ต.ต.อรรถวุฒิ ไปแล้ว 1 ราย ส่วนคนอื่นที่ร่วมก่อเหตุเรากำลังจะออกหมายจับเพิ่มเติม ผมได้กำชับให้ผู้กำกับ สน.เพชรเกษม ให้ความเป็นธรรมผู้เสียหายเป็นพิเศษ หากใครเกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีไปตามกฏหมายอย่างเฉียบขาด" พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวในที่สุด

ด้านพ.ต.ต.อรรถวุฒิ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะตนก็โดนลูกหลงจากการรุมทำร้าย กลุ่มคนที่มารุมทำร้ายเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่คาดว่ามีเรื่องกับคุณยุทธนามาก่อน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวินจยย.ที่นางธนิดาเรียกมาด้วย ทั้งหมดเป็นการทะเลาะวิวาท ไม่ใช่เป็นการทำร้ายร่างกาย

ก่อนหน้านั้น เวลา 22.30 น.ของวันที่ 29 พฤศจิกายน ขณะ ร.ต.ท.ภานุทัศน์ คิดนอก พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.เพชรเกษม กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจนำคู่กรณีเหตุบุกรุกมาส่ง ตัวให้ คือ นางธนิดา ศรีสุวรรณ อายุ 60 ปี และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ กิตติชัยเดช เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 11/69 หมู่บ้านนาราศิริ ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางแค กทม. แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจึงปล่อยให้ทั้งคู่นั่งเจรจา กัน โดยพนักงานสอบสวนพยายามจะไกล่เกลี่ยให้ยอมความกัน เนื่องจากบ้านหลังที่เกิดเหตุเดิมเป็นของนางธนิดา แต่ต่อมาได้โอนให้เป็นของ น.ส.อรอนงค์ พินิจพงษ์พันธ์ อายุ 37 ปี ลูกสะใภ้ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับลูกชายของตัวเอง ทั้งนี้บ้านหลังดังกล่าวอยู่ใกล้เคียงบ้านของนางธนิดา และปกตินางธนิดาจะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยในบ้านเป็นประจำ

กระทั่งก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. นางธนิดาสังเกตเห็นว่าภายในบ้านลูกสะใภ้เปิดไฟไว้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่ จึงเข้าไปดูก็พบ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่ในบ้านกับเพื่อน โดย ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ ยืนยันว่าได้เช่าบ้านหลังนี้จากน.ส.อรอนงค์ แล้วโดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 2 หมื่นบาท และมีการทำสัญญาเช่าถูกต้อง แต่นางธนิดายืนยันว่าไม่ทราบเรื่องและบอกให้รอลูกชาย ซึ่งบวชพระอยู่สึกออกมาก่อนทำให้การเจรจาไม่เป็นผล จึงเรียกเจ้าหน้าที่สายตรวจมารับตัวไปตกลงกันบนโรงพัก

ระหว่างที่พนักงานสอบสวนซึ่งอยู่ในห้อง 3 คน กำลังสอบสวนผู้ต้องหาคดีอื่น โดยต่างแยกย้ายไปสอบสวน เหลือเพียงนางธนิดา และ ส.ต.ท.ภาณุพันธ์ อยู่ในห้องกันตามลำพัง ปรากฏว่าส.ต.ท.ภาณุพันธ์ได้โทรศัพท์ตามลูกพี่และลูกน้องมา 10 คน ซึ่งเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งหมด นำโดย พ.ต.ต.อรรถวุฒิ กิจคาม สวป.สภ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร ช่วยราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมาถึงหนึ่งในกลุ่มนั้นเรียก นายยุทธนา กลิ่นขจร อายุ 33 ปี ลูกเขยของนางธนิดา ที่เดินทางตามมาทีหลังให้ออกมาตกลงกันที่ลานจอดรถข้างโรงพัก แต่นายยุทธนาไม่ยอมไป ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ กรูกันเข้ามาประมาณ 5 คน อีก 5 คน ยืนคุมเชิงและล็อกประตูห้องสอบสวนไว้ ก่อนที่ พ.ต.ต.อรรถวุฒิจะชกนายยุทธนาเข้าที่ปลายคาง ก่อนเข้าตะลุมบอนจนนายยุทธนาได้รับบาดเจ็บและทรุดลงไปกองกับพื้น

จังหวะนั้นนางธนิดาพยายามเข้าห้ามปราม ก็ถูกพ.ต.ต.อรรถวุฒิ ชกเข้าใบหน้าจนหน้าตาบวมช้ำ มีแผลแตกฟุบลงไปกับพื้นก็ถูกเท้าเหยียบหน้าไว้ ระหว่างนั้น ด.ต.วีระ ภู่ฤทธิ์ ตำรวจที่เข้าเวรห้องวิทยุใกล้ห้องพนักงานสอบสวนเห็นจึงเข้ามาห้าม ทำให้กลุ่มพ.ต.ต.อรรถวุฒิแตกฮือแยกย้ายกันหลบหนี แต่ ด.ต.วีระ และ ด.ต.สายัณห์ ศรีสุวรรณ ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ช่วยกันจับกุม พ.ต.ต.อรรถวุฒิไว้คนเดียว ขณะควบคุมตัวนั้น พ.ต.ต.อรรถวุฒิได้แสดงบัตรตำรวจ อ้างว่าอยู่ในชุดทำงานของ พล.ต.ท.คนหนึ่งแต่ตำ รวจไม่สนใจ ค้นตัวพบอาวุธปืนกล็อก ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ขึ้นลำพร้อมยิง ภายในมีกระสุน 9 นัด และโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นประกันตัวด้วยเงิน 3 หมื่นบาท

หลังจากประกันตัวไป ได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่โทรศัพท์มาเจรจาขอเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาแต่พ.ต.อ. อนุชา อ่วมเจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม ไม่ยินยอม ก่อนรีบรายงาน พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 รับทราบ พล.ต.ต.กรีรินทร์จึงสั่งดำเนินคดีเฉียบขาด เพราะกระทำการเกินกว่าเหตุบนโรงพักและพิจารณาเงินรางวัลตามโครงการจับ ทันควันจ่ายทันที 24 ชั่วโมงให้แก่ชุดจับกุม และกำชับพนักงานสอบสวนให้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมดเป็น การเร่งด่วน

นายยุทธนากล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุจะเกิดขึ้นได้บนโรงพัก ในห้องพนักงานสอบสวน ทั้งที่น่าจะปลอดภัยที่สุด และคนทำเป็นตำรวจที่บังคับใช้กฎหมาย ลำพังแค่ทำกับตนคนเดียวก็ไม่มีทางสู้อยู่แล้ว แต่ยังไปทำกับแม่ยายที่อายุมากแล้ว ยืนยันจะดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook