จำคุก เก่ง 1เดือนปรับ2พันบ.โดดถีบ สมเกียรติ

จำคุก เก่ง 1เดือนปรับ2พันบ.โดดถีบ สมเกียรติ

จำคุก เก่ง 1เดือนปรับ2พันบ.โดดถีบ สมเกียรติ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลสั่งจำคุก เก่ง การุณ 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท คดีโดดถีบด่า สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กลางห้องอาหารรัฐสภา แต่ศาลปรานีโทษรอลงอาญา 2 ปี

ศาลดุสิต ถ.บรมราชชนนี-ศาล อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการศาลแขวง และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สส. สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เสียหายซึ่งถูกนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ทำร้ายร่างกาย ร่วมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายการุณ หรือ เก่ง โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย และดูหมิ่นซึ่งหน้า

โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.51 ที่อาคารรัฐสภาได้มีการจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งในการประชุมช่วงหนึ่งได้หยิบยก เอาเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมาอภิปราย โดยนายสมเกียรติ โจทก์ร่วม เมื่อใช้สิทธิอภิปรายจนเสร็จสิ้นแล้ว เดินออกจากห้องประชุมไปพบกับนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ห้องอาหาร อาคารรัฐสภา โดยมีการพูดจาทักทายจับมือกัน ขณะที่จำเลย เดินเข้ามา พร้อมกับตะโกนต่อว่าอย่างรุนแรง ด้วยถ้อยคำหยาบคาย และใช้กำลังทำร้ายร่างกาย จนโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต จำเลยให้การปฎิเสธทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดี

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน แล้วมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพยานเบิกความว่า ขณะที่โจทก์ร่วม เข้ามาพบนายนิพนธ์ แล้ว จำเลยเดินตามมาตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย อาทิ " ไอ้เหี้ยมึงจะเอาไงกับกู" และถ้อยคำหยาบคายอื่นๆ พร้อมกับใช้เท้าขวา ถีบเข้าที่ท้องน้อย และ ชกต่อยเข้าที่ใบหน้าโจทก์ร่วม จนนายนิพนธ์ ต้องใช้มือกันเอาตัวจำเลยออกไปจากที่เกิดเหตุ ไปติดผนังตู้แอร์ ห่างไปประมาณ 3-4 เมตร แต่จำเลยยังตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนเพื่อน ส.ส.ของจำเลยต้องเข้ามาห้ามปราม และนำตัวออกไปจากห้องอาหาร โจทก์ร่วมเข้าแจ้งความและเข้ารับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ระบุว่า โจทก์ร่วมถูกทำร้ายจริง พร้อมกันนี้รัฐสภาก็ยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาเป็นประธาน และมี ส.ส.พรรคของจำเลยและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นกรรมการ สรุปผลสอบว่า มีการทำร้ายร่างกายและมีการด่าทอกัน แต่ไม่ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้กระทำ

ศาลพิจาณาแล้วเห็นว่า ผลสอบดังกล่าว เป็นการตั้งประเด็นว่ามีการทำร้ายโจทก์ร่วมหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการทำร้ายโจทก์ร่วมคงไม่มีการตั้งกรรมการขึ้นมา จึงฟังได้ว่าผลสอบดังกล่าวเป็นกรณีเดียวกันกับการทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วม จากพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวเชื่อได้ว่า จำเลยติดตามโจทก์ร่วมไปที่ห้องอาหารและได้ทำร้ายร่างกาย โจทก์ร่วม อันเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนที่จำเลยตะโกนด่าทอโจทก์ร่วม จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า ข้ออ้างของจำเลยที่อ้างว่าจะเดินไปสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการอภิปรายนั้น เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้

พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง ให้จำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท ฐานทำร้ายร่างกายและปรับ 10,000 บาท ฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า อย่างไรก็ดีศาลเห็นว่าแม้จำเลยจะเคยกระทำผิดมาแล้วหลายคดี แต่ยังไม่มีคดีใดที่ถูกลงโทษจำคุก ดังนั้นโทษจำคุกจึงให้รอลงอาญากำหนด 2 ปี

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายการุณ กล่าวว่า ตนเคารพในกติกาสังคมและจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี เพราะถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเสียเวลา คดีนี้เรารู้ในใจกันดี ระหว่างนายสมเกียรติกับตนว่าอะไรเกิดขึ้น ก่อนฟังคำพิพากษาก็ได้มีการยกไหว้ทักทายกันแล้ว แต่จะให้ขอโทษคงไม่ขอโทษ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เป็นสาระ ปกติก็พบปะทักทายกันหลายครั้ง ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากอารมณ์หรือโทษะโมโห แต่เป็นความตั้งใจของตนตั้งแต่แรกแล้ว

ขณะที่นายสมเกียรติ กล่าวว่า เชื่อมั่นในพยานหลักฐาน ที่มีทั้งผลการตรวจร่างกายและผลสอบของคณะกรรมการรัฐสภา คำพิพากษาคดีนี้ สื่อถึงการทำหน้าที่ ส.ส. ที่เป็นการดูหมิ่นและทำร้ายร่างกายเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ของทั้งสองฝ่าย เพราะคดีนี้ตนไม่ได้จะมุ่งหมายให้มีการลงโทษ แต่ต้องการสร้างบรรทัดฐานให้ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชน เรียกตัวเองว่าผู้ทรงเกียรติในสภา แต่มีพฤติการณ์ลักษณะนี้ จะกระทบต่อความเชื่อถือของประชาชน ผู้ที่เป็น ส.ส.ต้อง ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนมิใช่ปกป้องผลประโยชน์ของนักโทษเพียงคน เดียว

"อยากฝากกระตุ้นเตือนวิปรัฐบาลว่า ควรจะรีบนำประมวลจริยธรรมของ ส.ส.และ ส.ว.มาพิจารณา ให้เสร็จสิ้น ในการเปิดประชุมสภาครั้งหน้า" นายสมกียรติ กล่าว

นายสมกียรติ ยังกล่าวอีกว่า ตนได้บอกนายการุน และทนายความแล้วว่า ที่ต้องนำคดีเข้าสู่ศาลไม่ได้มุ่งหมายเป็นอย่างอื่น อยากให้ ส.ส.เป็นแบบอย่างให้กับสังคม ทำตัวให้เหมาะสมกับการขอขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้ แต่นายการุณ ไม่ได้กล่าวขอโทษ เพียงแต่บอกสั้นๆว่า " ไม่เป็นไรครับ" อย่างไรก็ตามตนคิดว่าการต่อสู้คดีนี้ มาเกือบ 2 ปี มีความคุ้มค่า

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook