ครม.ทุ่ม 877 ล้านพัฒนามาบตาพุด

ครม.ทุ่ม 877 ล้านพัฒนามาบตาพุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ครม.ไฟเขียว ทุ่มงบ 877 ล้านบาทสางปัญหามาบตาพุด5 โครงการทั้งฝังกลบขยะ-พัฒนาน้ำประปา-ขยายโรงพยาบาลมาร์ค ลุ้นศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวันที่ 2 ธ.ค.นี้ พร้อมเดินหน้าสู้คดีต่อ หากตัดสินให้ระงับ 76 โครงการ ขณะที่ภาคเอกชนจับตาวันตัดสินไม่กะพริบ ด้าน กมธ.สิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่แหลมฉบังเก็บข้อมูลสารเคมีรั่ว ส่วนญาติ ๆ หามศพ สาวใหญ่ ส่ง หมอพรทิพย์ ผ่าพิสูจน์ หลังติดใจสงสัย ตายเพราะสูดดมควันสารพิษ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม เห็นชอบโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหามาบตาพุด ที่จะดำเนินการ ในปี 2553-2555 จำนวน 5 โครงการ ทั้งการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ ที่เรื้อรังมานาน กว่า 10 ปี การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา การขยาย รพ. เป็น 200 เตียง การจัดตั้งหน่วยงานเฝ้าระวังสุขภาพ เป็นต้น วงเงินลงทุนรวม 877.03 ล้านบาท ส่วนคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่เตรียมวินิจ ฉัยการอุทธรณ์ให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ดำเนินโครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 76 โครงการในวันที่ 2 ธ.ค. นี้นั้น ยากที่จะคาดเดาเพราะเป็นดุลพินิจของศาล แต่หากศาลปกครองยืนคำสั่งเดิม รัฐบาลจะต่อสู้ในส่วนของคดีหลักต่อไป แต่หากศาลปกครองวินิจฉัยเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โครงการต่าง ๆ ก็จะเข้าสู่กระบวนการตามที่คณะกรรมการร่วมอิสระ 4 ฝ่าย กำลังหามาตรการซึ่งขณะนี้ชัดเจนบ้างแล้ว

ส่วนกรณีที่มีนักการเมืองไปข่มขู่ชาวบ้านไม่ให้ออกมาร้องเรียนกรณีเหตุการณ์สารพิษรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยระบุว่าหากร้องเรียนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางการนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เพราะไม่มีเหตุผล ทุกหน่วยงานต้องเข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนชาวบ้านที่อยู่นอกพื้นที่แต่ได้รับผลกระทบจนเจ็บป่วยจะช่วยเหลืออย่างไรนั้น ต้องตรวจสอบก่อน แต่เรื่องคุณภาพชีวิต ใครได้รับผลกระทบหรือมีปัญหา เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องดูแลอยู่แล้ว

ขณะที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณทั้ง 877.03 ล้านบาท จะนำไปใช้ในโครงการขนถ่ายขยะมูลฝอยออกจากบ่อฝังกลบขยะ ของเทศกาลเมืองมาบตาพุด ที่ได้รับงบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 270 ล้านบาท โดยให้เร่งจัดทำทีโออาร์หรือร่างข้อกำหนดงานเพอจ้างผู้เหมาะสมให้ดำเนินการโดยเร็ว โดยมีเงื่อน ไขของรัฐบาลคือการขนย้ายไปกลบฝังที่ใดต้องได้รับการยินยอมจากประชาชนในพื้นที่นั้นก่อนเป็นเงื่อนไขสำคัญ นอกจากนี้ นำไปพัฒนาระบบน้ำประปา ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ใน 2 โครงการคือขยาย เขตจำหน่ายน้ำประปา ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระยอง และก่อสร้างปรับปรุงท่อและขยายเขตจำหน่ายน้ำ พื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลเมืองบ้านฉาง โดยใช้เงินจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายฉุกเฉินและจำเป็น ปี 2553 วงเงิน 307.72 ล้านบาท

รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า นอก จากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาบริการสาธารณสุข 2 โครงการคือการพัฒนา รพ.มาบตาพุด ให้เป็น รพ. ที่เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์ ขนาด 200 เตียง พัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ระยอง รวมถึงโครงการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังของประชาชนในเขตควบคุมมลพิษ จ.ระยอง หรือแพทย์เคลื่อนที่กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินโดยใช้เงินรวมทั้งหมด 284.54 ล้านบาท แยกเป็นงบประมาณจากงบกลาง ปี 2553 งบผูกพันงบประมาณและงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 และ 2555 ส่วนความคืบหน้าของการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเดินหน้าหาแนวทางการดำเนินโครงการทั้ง 76 โครงการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น ได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงเรื่องของการจัดตั้งองค์กรอิสระ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ

ด้าน นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นักลงทุนต้องติดตามคำตัดสินอย่างใกล้ชิด เพราะหากยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางคือระงับการดำเนินงานทั้ง 76 โครงการ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุนของไทยได้ และกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย

ขณะที่ นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลภายในบริเวณท่าเทียบเรือ บี 3 ของบริษัท อีสเทิร์น ซี แหลมฉบัง เทอมินัล จำกัด ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ควบคุมสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และไม่ได้ส่งผลต่อการประกอบการภายในพื้นที่นิคมอุตสาห กรรมแหลมฉบัง พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ผู้ประกอบการในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดมีความระมัดระวัง และปฏิบัติตามระเบียบโดยเคร่งครัดในการเตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์รับมือในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้เกิดความม่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือในมาบตาพุด

ส่วนที่วัดแหลมฉบัง จ.ชลบุรี นาย สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมคณะเดินทางมารับฟังข้อมูลและปัญหาต่าง ๆ หลังเกิดเหตุสารพิษรั่วไหล โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี ในฐานะเจ้าของพื้นที่ นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ นายกเทศ มนตรีตำบลแหลมฉบัง ร.อ.อิทธิชัย สุพรรณ กูล รอง ผอ.ท่าเรือแหลมฉบัง หน่วยงานแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประชาชนชุมชนบ้านแหลมฉบัง 500 คน เข้าร่วมฟังและชี้แจง ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง จากนั้นนายสุรชัยได้มอบเงินช่วยเหลือค่าทำศพให้กับญาติของนางสุนีย์ ภู่เพชร อายุ 65 ปี ซึ่งญาติสงสัยว่าเสียชีวิตเพราะสูดดมควันสารพิษเข้าไป และญาติของนายพิทักษ์ เรืองสุข อายุ 49 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิต โดยแพทย์ลงความเห็นว่าสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง แต่ทางญาติยังติดใจสงสัย เพราะมีสื่อบางแขนงระบุว่าได้รับสารพิษ

ด้าน นายบุญเลิศ นายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบัง เปิดเผยว่า สถานการณ์ในหมู่บ้านแหลมฉบัง สงบลงแล้ว หลังทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในภาคปฏิบัติชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ว่าไม่มีอันตรายจากสารเคมีรั่วไหล อาหารการกินไม่มีการปนเปื้อนและสารตกค้าง แต่เพราะมีกลุ่มบุคคลภายนอกเข้ามา ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายขึ้น และขอยืนยันว่าตนไม่เคยไปข่มขู่ชาวบ้านเลย ไม่ว่าเรื่องอะไร ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ญาติของนางสุนีย์ ได้เคลื่อนศพนางสุนีย์ไปให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผ่าพิสูจน์เพื่อให้หายสงสัยเรื่องสาเหตุการตาย หลังเชื่อว่านางสุนีย์เสียชีวิตเพราะสูดดมควันสารพิษ ขณะที่แพทย์ รพ. ในพื้นที่ลงความเห็นเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook