จับเมียหนุ่มโรงไม้คบชู้พระนักเทศน์ฆ่าผัว

จับเมียหนุ่มโรงไม้คบชู้พระนักเทศน์ฆ่าผัว

จับเมียหนุ่มโรงไม้คบชู้พระนักเทศน์ฆ่าผัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รวบเมียหนุ่มโรงไม้แอบคบชู้พระนักเทศน์เจ้าคารม ร่วมวางแผนกับชู้ฆ่าสามีแล้วเผา พบลีลาจีบเมียชาวบ้านเหนือชั้น อ้างฝันได้สร้อยคอ ขณะที่ฝ่ายหญิงเชื่อดวงที่มีคนทักว่า อายุ 37 สามีจะตายและมีสามีใหม่ชื่อ ท. เมื่อความรักสุกงอมจึงร่วมกับชู้โทรศัพท์หาสามีลวงไปฆ่า ถูกจับหลักฐานมัดแน่นยังไม่สำนึก ยังสัญญาจะกลับมาครองรักหลังพ้นโทษ

(3พ.ย.) พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รักษาการ ผบช.ภ.4 แถลงผลการจับกุมนายเทวา ฉิมมาลี หรือพระเทวา ธมฺมธีโร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลที่ 183 ม.12 ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พระลูกวัดศรีสุก ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และนางดวงเดือน กองโคตร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.4 ต.ดอนช้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ร่วมกันฆ่านายนพวรรณ กองโคตร อายุ 38 ปี สามี นางดวงเดือน โดยใช้อาวุธปืนลูกซอง ยิงเข้าไหลขวาทะลุด้านหน้าของผู้ตาย ก่อนเผาทำลายศพ และจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีเทาดำ ทะเบียน ขฉพ -709 ขอนแก่น เพื่ออำพรางคดี ที่บริเวณป่าอ้อยบ้านหนองโพ ใกล้สะพานข้ามลำน้ำชีบ้านหนองบัวดีหมี หมู่ 2 ต.หนองแวง อ.พระยืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา พร้อมของกลางอาวุธปูนลูกซอง 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด ซองปืนพกใน 1 ซอง กรดพระ 1 ชุด จีวร 1 ชุด รถจักรยานยนต์ 1 คัน และจดหมายรัก 4 ฉบับ

พล.ต.ต.สันติ แถลงงว่า หลังเกิดเหตุการฆ่าและเผานายนพวรรณ ในทางสอบสวนทราบว่านายนพวรรณ ไม่มีเหตุขัดแย้งกับใคร แต่มีอาจมีปัญหาเนื่องจากภรรยานายนพวรรณ เป็นคนหน้าตาดี และมีผู้ชายมาติดพันจึงมุ่งประเด็นการสอบสวนไปในประเด็นชู้สาวจนทราบว่าผู้ ที่ลงมือยิงนายนพวรรณ คือนายเทวา หรือพระเทวา และนางดวงเดือน ภรรยาผู้ตาย ซึ่งสาเหตุที่ลงมือฆ่าสืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2551 พระเทวา ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดบ้านหนองฮี ต.ดอนช้าง จากนั้นได้มาพบกับนางดวงเดือนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก ใกล้กับวัดดอนช้าง โดยทั้งคู่ได้แอบคบหากันมาตั้งแต่ปี 2551 และมีการเขียนจดหมายบรรยายถึงความรักและโทรศัพท์พูดคุยถึงความรู้สึกที่มี ต่อนางดวงเดือนมาตลอด

ส่วนสาเหตุที่นายเทวาตัดสินใจฆ่านายนพวรรณ เนื่องจากนายนพวรรณจับได้ว่านายเทวา และนางดวงเดือนลักลอบได้เสียกัน มาเป็นเวลานาน จนผู้ตาย ได้โทรศัพท์มาต่อว่าจนถึงขั้นอาฆาตเอาชีวิตกันทางโทรศัพท์ จากนั้นนายเทวา เดินทางกลับวัดบ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และตระเวนเทศน์ เพื่อหาเงิน กระทั่งเก็บเงินครบจำนวน 7,000 บาท จึงนำมาซื้อปืนจำนวน 5,000 บาท และเงินที่เหลืออีก 2,000 บาท ใช้เป็นค่าเดินทางมามาที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้อ้างกับเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จ.อุทัยธานีว่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ จ.สกลนคร แต่กลับมาอยู่ในพื้นที่จ.ขอนแก่น เพื่อปักกรดรอฆ่านายนพวรรณ

พล.ต.ต.สันติ กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 29 พ.ย. นายเทวาได้โทรศัพท์วางแผนร่วมกับนางดวงเดือน ลวงนายนพวรรณ ซึ่งเป็นช่างไม้อยู่ที่ร้านเหรียญไทยวัสดุก่อสร้าง โดยอ้างจะว่าจ้างให้ออกมาดูไม้เพื่อที่จะตัดและใช้ก่อสร้างกระท่อมบริเวณจุด เกิดเหตุซึ่งเป็นไร่อ้อย กระทั่งนายนพวรรณหลงเชื่อเดินทางมาพบนายเทวา ตามจุดนัดหมายในเวลา 17.00น.เมื่อนายเทวา พบนายนพวรรณ นายเทวาได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายนพวรรณเข้าไปในป่าอ้อยจากนั้นนายเท วา ให้นายนพวรรณ ชะลอความเร็วลง และได้ชักปืนออกมายิงเข้าที่หลังนายนพวรรณ จนเสียชีวิต แล้วจึงใช้น้ำมันที่เตรียมมาด้วยราดแล้วจุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี และขับรถจัรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปทาง อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แต่น้ำมันรถหมด จึงได้เผารถจักรยานยนต์แล้วกลับมาสวมผ้าเหลือง ห่มจีวร เพื่ออำพรางเป็นพระภิกษุ หลบหนีไปขอพักอยู่ที่วัดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ 2 วัน จากนั้นได้ไปอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ม.1 ต.ขัวก่าย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร จนกระทั่งวันที่ 3 ธ.ค. เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมนายเทวา และนางดวงเดือนได้ จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

พ.ต.ท.ไพโรจน์ แสงอรุณ รอง.ผกก.สส.1 บก.สส.ภาค4 หัวหน้าชุดสืบสวนฯในคดีดังกล่าวเปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้สอบปากคำ ญาติของผู้ตายแต่ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากนัก จึงเริ่มตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของนางดวงเดือน ภรรยาผู้ตายก็ทราบว่าในวันที่ 28 และ 29 พ.ย.นางดวงเดือนได้โทรศัพท์ถึงผู้ตายหลายครั้ง และมีรายการโทรศัพท์ที่ต้องสงสัยอีกหมายเลขหนึ่งที่ตือต่อกับนางดวงเดือนใน ช่วงเวลาดังกล่าว และยังพบว่าหมายเลขดังกล่าวยังมีการโทรหานายนพวรรณผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุ และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของนายเทวา ชุดสืบสวนจึงมั่นใจว่าคนที่ลงมือฆ่านายนพวรรณ เป็นนายเทวา โดยมาจากประเด็นชู้สาว

ต่อมาได้ขออนุมัติหมายศาลค้นบ้านผู้ตาย ที่นางดวงเดือนอาศัยอยู่และได้พบจดหมายรัก 4 ฉบับ ที่นายเทวาเขียนพรรณาถึงความรักที่มีต่อนางดวงเดือน ทั้งๆที่รู้ว่านางดวงเดือนมีสามีแล้ว โดยช่วงที่นายเทวา บวชเป็นพระที่วัดศรีสุก ต.ดอนช้าง ที่มีกำแพงติดกับศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ที่นางดวงเดือน เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่นั่นและมีการติดต่อกันทางจดหมายโดยเขียนใส่กระดาษ แล้วยื่นข้ามกำแพงให้นางดวงเดือน และนางดวงเดือนก็เก็บจดหมายทุกฉบับไว้ในห้องนอนไว้ดูต่างหน้า แต่หลังจากนายนพวรรณจับได้ว่า นางดวงเดือนมีผู้ชายโทรศัพท์มาหาบ่อยจึงโทรกลับหานายเทวาโดยไม่รู้ว่าผู้ชาย คนที่มาติดพันเป็นพระจึงมีการทะเลาะกันทางโทรศัพท์ และในช่วงที่นายเทวา ก่อคดีแล้วหนีไปก็พบว่ายังโทรศัพท์ติดต่อนางดวงเดือน จนกระทั่งทราบว่านายเทวา ได้หลบหนีไปอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุม โดยในวันที่เข้าจับกุมนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ทำทีเป็นขอพบ เพื่อถวายนมและเมื่อถวายเสร็จก็ถามพระว่า "เป็นคนที่ฆ่านายนพวรรณใช่มั๊ย" ซึ่งเมื่อได้ยินคำถามพระเทวาถึงกับหน้าถอดสีสะดุ้มตื่นและจะกระโดดออกจาก กุฏิเจ้าหน้าที่จึงรั้งสบงไว้ได้และทำการควบคุมตัวมาสอบสวนและนายเทวาก็รับ สารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้ทำการสอบสวนนายเทวา และนางดวงเดือน ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 นั้น พบว่า ทั้งนางดวงเดือน และนายเทวา ผู้ต้องหาไม่ได้แสดงอาการโศกเสร้าเสียใจต่อการกระทำของตนเองมากนัก โดยทั้งคู่ต่างกัดรัดกันกลมไม่ยอมห่าง แสดงความรักที่มีต่อกันอย่างเปิดเผย และยังมีการป้อนข้าวป้อนน้ำกันในห้องสอบสวนอย่างไม่สะทกสะท้าน และตลอดเวลาทั้งสองต่างให้สัญญาว่าไม่ว่าจะติดคุกนานเท่าไหร่ เมื่อพ้นโทษออกมาก็จะกลับมาครองรักกันเช่นเดิม

สำหรับนายเทวา ผู้ต้องหาเคยมีภรรยามาแล้ว 3 คน โดยภรรยาคนแรกทนพฤติกรรมเจ้าชู้ของนายเทวาไม่ได้ จึงทิ้งนายเทวา และหลังจากนั้นนายเทวาได้อยู่กินกับผู้หญิงอีก 2 คน ซึ่งทั้งสองคนหลังก็มีพฤติกรรมคบชู้ จนนายเทวาต้องหนีไปบวชเมื่อเดือนเม.ย.2551 และมาจำพรรษาที่วัดศรีสุก ต.ดอนช้าง อ.พระยืน จ.ขอนแก่น และเมื่อบวชเป็นพระได้เพียง 1 เดือนก็เกิดความรักต่อนางดวงเดือนที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์รับเลี้ยง เด็กที่อยู่ใกล้กับวัดโดยพระเทวา ได้นำอาหาร ของใช้มาให้นางดวงเดือนอยู่เรื่อยๆ จนมีการเขียนจดหมายถึงกัน โดยในจดหมายรักเริ่มจากการทำนายความฝัน

ที่พระเทวา บอกนางดวงเดือนว่า เขาฝันว่า ได้สร้อยคอทองคำ ซึ่งนางดวงเดือน บอกว่า เคยอ่านคำทำนายลักษณะนี้มาก่อนว่า ถ้าฝันลักษณะนี้จะได้คู่ครอง และตนเองเคยดูดวงว่า สามีจะเสียชีวิตตอนอายุ ประมาณ 37 ปี และจะได้สามีใหม่ที่ชื่อขึ้นต้นด้วย"ท." จนกระทั่งติดต่อกันและได้เสียกันมาเรื่อย จนกระทั่งมีจดหมายของนายเทวา ที่เขียนถึงนางดวงเดือน ก่อนเกิดเหตุ โดยหลังจากพรรณาถึงความรักที่มีต่อคนที่มีสามีอยู่แล้วในเชิงน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชควาสนา จะหนีก็หนีไม่ได้" เพราะใจเราผิดเองวิ่งไปขอเป็นทาสเขา" และจบด้วยข้อความว่า "อะไรจะเกิดก็ให้เกิด"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook