3 เซียนทองคำคาดตลาดปีเสือ

3 เซียนทองคำคาดตลาดปีเสือ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ราคาปรอทแตกทะลุ 20,000 บาท

ร้อนที่สุด ณ นาทีนี้คงหนีไม่พ้นราคาทองคำในตลาดโลก และตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นว่าเล่น จนหลายคนที่ใจเร็วด่วนตัดสินใจขายเอาเงินเข้ากระเป๋าไปก่อนหน้านี้ต่างเสียดายไปตาม ๆ กัน ส่วนจะให้เข้าไปซื้อเพิ่มด้วยราคาเฉียด 20,000 บาท ก็กลัวว่าต้องนอนเสียวสันหลังหากเกิดเหตุการณ์พลิกความคาดหมายทำให้ราคาทองละลายไปต่อหน้า

เมื่อรูปการณ์เป็นดังนี้ถ้ามัวให้นั่งเดากันเอาเองต้องกุมขมับมืดแปดด้านเลยต้องอาศัยระดับเซียนในวงการมาช่วยวิเคราะห์วิจารณ์ และชี้ทางสว่างให้เห็นกันแบบมืออาชีพ เริ่มจาก จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ที่คาดการณ์ว่า ราคาทองคำยังผันผวนไม่สามารถประเมินได้ว่าแนวโน้มราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีกเท่าไรต้องรอดูตลาดเอเชียและยุโรปภายในสัปดาห์นี้ก่อนว่าราคาในต่างประเทศสามารถยืนอยู่ได้ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้นานอีกหรือไม่ ซึ่งหากอยู่ได้นานจะทำให้ราคาทองคำในปีหน้ามีราคาสูงขึ้น แต่เชื่อว่าราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสที่จะไต่ระดับไปที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปีหน้า โดยจะส่งผลให้ราคาทองคำแท่งในประเทศแตะที่ระดับบาทละ 20,000 บาท

ทั้งนี้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้นเท่าที่ควร ผนวกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงทำให้นักลงทุนมีการซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงกันมากขึ้น นอกจากนี้ในหลายประเทศมีความสนใจที่จะนำทองคำมาเป็นทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจึงผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น

สำหรับข้อเสนอแนะนักลงทุนที่สนใจซื้อทองคำเก็บไว้เก็ง กำไรนั้น จะต้องระมัดระวังการเข้าซื้อในแต่ละครั้ง เพราะราคาทองคำขึ้นลงเร็วมาก และมีความเสี่ยงสูงไม่ควรทุ่มซื้อทีเดียวในปริมาณมาก ๆ แต่ทยอยซื้อมากกว่า และถ้าเห็นว่าราคาสูงควรทยอยออกขายเป็นลอต ๆ บ้าง เพื่อทำกำไรระยะสั้น สอดรับกับ พิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า ราคาทองคำขึ้นลงวันละ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ ทำให้คาดการณ์ลำบากว่าราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึงจุดไหน ซึ่งจะต้องดูสถานการณ์ในต่างประเทศแบบวันต่อวัน โดย ณ วันนี้ราคาทองคำทะลุ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ในอนาคตอาจจะลงอยู่ที่ระดับ 950-1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เพื่อพักฐาน เพราะจากข้อมูลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่าราคาทองคำได้ปรับลงมาอยู่ที่ระดับ 870 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากนั้นไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาแตะสูงสุด 1,230 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นอีกบาทละ 150 บาท ทำให้ราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 19,100 บาทและขายออกบาทละ 19,200 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 18,828.72 บาท และขายออกบาทละ 19,600 บาท

ราคาทองคำที่สูงขึ้นไม่ได้เกิดจากราคาที่แท้จริง แต่เกิดจากการเก็งกำไรล่วงหน้าของกองทุนต่างประเทศ (เฮดจ์ฟันด์) ทำให้ราคาทองคำผันผวน โดยมีการคาดการณ์กันว่า ในเร็ววันนี้ราคาทองคำในตลาดโลกจะแตะที่ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และสูงสุดที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ในทางกลับกันราคาทองคำอาจปรับลดลงได้เช่นกันถ้าเฮดจ์ฟันด์เห็นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น น้ำมัน และตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าทองคำ ดังนั้นนักลงทุนต้องลงทุนอย่างรอบคอบ

ส่วนข้อแนะนำให้กับนักลงทุนที่จะลงทุนในทองคำแท่งต้องดูก่อนว่ามีฐานเงินอยู่เท่าไร ต้องจัดสรรปันส่วนให้ดี แบ่งเป็นเงินฝาก เงินใช้ในยามฉุกเฉิน และเงินที่ใช้เพื่อการลงทุนไม่ใช่เห็นว่าราคาทองคำ พุ่งแล้วจะทุ่มเงินมาลงทุนหมดหน้าตัก เพราะไม่รู้ว่าราคาทองคำจะขึ้นจะลงเมื่อไร แต่ส่วนตัวเห็นว่าถ้าราคาทองคำแท่งลดระดับอยู่ที่บาทละ 16,000- 17,000 บาท นักลงทุนควรเข้าไปซื้อเก็บไว้

ปิดท้ายที่ บุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.ซี.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส ให้ความเห็นว่าราคาทองน่าจะอยู่ในระดับ 4 หลักเช่นนี้ต่อไป โดยจะไม่ลงไปแตะระดับ 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่มีโอกาสที่จะต่ำกว่า 1,100 ดอล ลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพื่อเป็นารพักฐาน หลังปรับขึ้นแรง ส่วนในปีหน้าราคาทองยังอยู่ในระดับสูง ตราบใดที่วิกฤติเศรษฐกิจยังไม่จบ ตลอดทั้งปีจะเห็นราคาทองคำในระดับ 900-1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดโลกพยายามดันราคาทองคำให้ยืนเหนือ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

หลังจากเกิดวิกฤติการเงิน เลห์แมน บราเธอร์ส นักลงทุนแห่ซื้อทองคำกันมากเพราะเห็นว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง แต่รอบนี้เป็นผลจากความไม่มั่นใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกว่าจะต่อเนื่องหรือไม่ เพราะการฟื้นตัวต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงสะท้อนภาพการเงินโลกว่ายังขาดเสถียรภาพ และมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปกป้องความมั่งคั่ง จากเดิมเป็นสิน ทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวทำให้มีการเก็งกำไรทองคำเพิ่มขึ้น

สำหรับข้อแนะนำนักลงทุนนั้น ต้องดูวัตถุประสงค์และความต้องการของลูกค้าก่อนว่าจะลงทุนประเภทใดระหว่าง ทองแท่ง หรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ซึ่งแนวทางบริษัทจะลงทุนทองคำทุกช่องทาง เพื่อสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ครบวงจร และเห็นว่าตลาดโกลด์ฟิว เจอร์สเป็นตลาดเก็งกำไรตราบใดที่ราคาทองผันผวนนักลงทุนจะชอบ แม้ว่าตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สจะเพิ่งเริ่มต้นแต่มีแนวโน้มที่ดี

ทั้งหมดเป็นมุมมองของกูรูด้านทองคำในบ้านเรา ถ้ารักใครชอบใครก็ยึดถือแนวทางได้ตามสะดวก แต่อย่างไรก็อย่าลืมติดตามข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ อยู่เป็นระยะ เพราะการลงทุนทองคำในสมัยนี้ คำว่า ขาดทุนกับกำไร มันเกิดขึ้นได้แค่เพียงพริบตา.

ทีมเศรษฐกิจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook