น้อมรับพระราชดำรัสมาร์ควอนไทยหลอมใจเป็นหนึ่งแล้ว

น้อมรับพระราชดำรัสมาร์ควอนไทยหลอมใจเป็นหนึ่งแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผบ.ทบ.ออกโรงหนุนรัฐบาลชี้บ้านเมืองบอบชํ้ามามาก

รัฐบาล-กองทัพ น้อมรับพระราชดำรัส ในหลวง นำกระแสพระราชดำรัสฯ มาออกอากาศทางทีวีอีกครั้ง อภิสิทธิ์ เชิญชวนคนไทย หล่อหลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียว ทำบ้านเมืองเป็นปกติสุข ชี้ช่วงเดือนธันวาคมนี้ นับเป็นห้วงเวลาที่ประชาชนมีความสุข ที่ได้มีโอกาสถวายความจงรักภักดี ฝากวิงวอนทุกคนช่วยกันรักษาบรรยากาศความสงบตลอดไป เผยเป็นการบ้านข้อใหญ่ของรัฐบาล ผบ.ทบ. ออกโรงหนุนรัฐบาลเต็มพิกัด ยินดีเป็นกลไกช่วยเผยแพร่พระราชดำรัส ระบุบ้านเมืองบอบช้ำ ได้รับผลกระทบ เผชิญสถานการณ์มานานพอแล้ว ด้านโฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ ยึด 4 หลักสมานฉันท์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ โดยในช่วงแรกของรายการได้นำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. มาออกอากาศอีกครั้ง จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯกล่าวว่า ตนอยากเห็นทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือประชาชนคนไทยทั่วไปได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสมารับใส่เกล้าใส่กระหม่อม และนำไปปฏิบัติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรัฐบาลนั้นพระองค์ท่านได้รับสั่งชัดเจนว่าคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และทุ่มเทใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งตนคิดว่าไม่ว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใดก็ตามก็สามารถน้อมนำกระแสพระราชดำรัสไปปฏิบัติได้ และที่พวกเราทุกคนต้องมาช่วยกันเต็มที่คือพระองค์ท่านได้รับสั่งว่ามีประชาชน และผู้แทนของประชาชนได้ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา และพระองค์ท่านก็รับสั่งว่า ที่ถวายพระพรแด่พระองค์ท่านมีความสุขจะเกิดขึ้นได้ บ้านเมืองต้องมีความปกติสุขและมั่นคง

อันนี้คือหน้าที่สำคัญที่สุดของพวกเราทุกคนในขณะนี้ ทำอย่างไรให้บ้านเมืองของเรามีความเป็นปกติสุขและมั่นคงได้ ซึ่งก็คงจะโยงใยไปถึงกระแสพระราชดำรัสในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ให้ดีด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นงานสำคัญที่รัฐบาลจำเป็นต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ในการทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติสุขได้ ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่สำหรับรัฐบาล และประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายด้วย เพราะผมเชื่อว่าพวกเราก็ต้องการที่จะหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว และทำให้คำถวายพระพรที่เราได้ถวายแเด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกิดขึ้นจริง และพระองค์ท่านได้รับสั่งชัดเจนแล้วว่าจะเกิดขึ้นได้เราจะต้องมีหน้าที่ทำอะไรอีก หลายอย่าง นายกฯกล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่พระ องค์ท่านได้รับสั่งว่าพระองค์ท่านจะมีความสุขเมื่อบ้านเมืองมีความมั่นคง และเป็นปกติสุข รวมทั้งรับสั่งถึงความเป็นอยู่ของพสกนิกร เป็นการยืนยันสิ่งที่ประชาชนคนไทยได้รู้สึกมาตลอดว่าเรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก ทุ่มเทพระวรกายทรงงานเพื่อประชาชน ที่น่าสนใจคือตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลายเรื่อง จนถึงทุกวันนี้ยังมีความทันสมัยอยู่มาก เช่นการที่พระองค์ท่านสนพระทัยเรื่องสิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทนความเป็นอยู่ของประชาชน เกษตรกร ในชนบท ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดการทำการเกษตรที่ยั่งยืนและส่งผลตอบแทนต่อประชาชนในระดับชุมชนอย่างแท้จริง สิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงปฏิบัติม ประชาชนคนไทยถือว่าโชคดีมากที่พระองค์ท่านมีสายพระเนตรยาวไกล และพระราชทานแนวพระราชดำรินี้ไว้ รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยก็น้อมนำกระแสพระราชดำรัสและพระราชดำริต่าง ๆ เพื่อมาขยายผล โดยมีคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน โครงการพระราชดำริ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เดินหน้า สานต่องานต่าง ๆ

นายกฯกล่าวด้วยว่า งานที่มีความสำคัญอย่างต่อเนื่องมาตลอดคือการพัฒนาชนบท และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เราจะเห็นชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดแคลนน้ำ ปัญหาน้ำท่วม น้ำเสีย หรือปัญหาอื่น ๆ พระองค์ท่านได้พระราชทานแนวพระราชดำริเอาไว้ และนำไปสู่หลายโครงการที่ช่วยแก้ปัญหา รัฐบาลปัจจุบันก็ได้อนุมัติโครงการตามแนวพระราชดำริในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และเราก็เริ่มเห็นผลจากโครงการตามแนวพระราชดำริหลายโครงการ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งแม้จะยังเกิดขึ้นอยู่ แต่หากไม่มีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หรือที่ อ.หาด ใหญ่ หากไม่มีคลองระบายน้ำ หรือหากไม่มีแก้มลิงตามพื้นที่ต่าง ๆ ปัญหาน้ำท่วมจะหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก ขณะเดียวกันโครงการพระราชดำริที่นำไปสู่การให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ และน้ำเพื่อการเกษตร ก็ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรได้อย่างดี ส่วนเรื่องพลังงานทดแทน รัฐบาลก็มีแผนที่เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนของการใช้พลัง งานทั้งหมดของประเทศให้เพิ่มขึ้นมาจากปัจจุบันร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 20 ให้ได้ ซึ่งเดิมตั้งเป้าไว้ 15 ปี แต่คงต้องเร่งรัดในขณะนี้

เรื่องเหล่านี้ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ซึ่งในสัปดาห์หน้าผมจะเดินทางไปกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งก็จะมีการสอบถามอยู่ตลอดเวลาว่าแต่ละประเทศมีความคิดเรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร ซึ่งโครงการตามพระราชดำริ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงล้วนเป็นสิ่งที่ชาวโลกพึงจะได้รับรู้ถึงความโชคดี ของคนไทย ทั้งนี้สำหรับปัญหาโลกร้อนนั้นทุกประเทศก็ต้องช่วยกัน จึงอยากเชิญชวนประชาชนคนไทยให้ช่วยกันลดการใช้ทรัพยากรแบบสิ้นเปลืองหรือทำให้โลกร้อน ในแต่ละวันสำหรับผมก็ได้น้อมนำแนวทางพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย โดยเน้นความประหยัดในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น สั่งการไม่ให้เปิดแอร์ในห้องน้ำของนายกฯ หรือการนำกระดาษที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้อยากเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกิจกรรมเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษาที่ได้จัดขึ้น ซึ่งตนคิดว่าเป็นงานสำคัญที่จะช่วยหลอมรวมจิตใจของคนไทยให้เป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคี และนอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ยังมีกิจกรรม ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง ที่เพิ่งปิดโครง การไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต้องขอขอบคุณประชาชนที่เข้ามาร่วมกันร้องเพลงชาติ ซึ่งรวมแล้วเกินล้านคน ทั้งนี้ตนมั่น ใจว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นบ้านเมือง สงบ แต่ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ ตนเข้าใจดีว่าประชาชนมีจำนวนมากหลากหลาย มีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ถ้าทุกคนใช้สิทธิของตัวเองอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม บ้านเมืองก็เป็นปกติสุขได้

ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา มี การสำรวจพบว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ประชาชน คนไทยมีความสุขเพราะมีโอกาสได้แสดง ความจงรักภักดี ได้คิดถึงสถาบันหลักของชาติที่เป็นที่พึ่งเป็นหลัก และเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยว หลอมรวมจิตใจของพวกเรา ดังนั้นในช่วงเวลานี้ผมก็อยากให้เป็นพลังสำหรับประชาชนต่อไป ทั้งในการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติหน้าที่ต้องมาช่วยกัน ทำให้บรรยากาศความรู้สึกความสุขแบบนี้มีตลอดไปไม่เฉพาะแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน

ที่สนามบินขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) ช่วง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับบทบาทของกองทัพในการแก้ปัญหาความไม่ เรียบร้อยของบ้านเมืองว่า ในเรื่องนี้เรายอม รับว่าถ้ามองภาพจริง ๆ ประเทศไทยเรา ตน ขอใช้คำว่าได้เสียหายเพราะสถานการณ์ที่เรา เผชิญอยู่มานานพอสมควร ได้ส่งผลกระทบ ทั้งในภาคเศรษฐกิจและสังคมมากเกินไปที่ คนไทยจะปล่อยวางอยู่ได้ พระราชดำรัสของ พระองค์ท่านจึงน่าจะเป็นสิ่งเตือนใจพวกเรา ทุกคนได้เป็นอย่างดี กองทัพเองนั้นก็จะน้อมนำพระราชดำรัสไปปฏิบัติตามที่เราทำได้ภายใต้กลไกของเรา

เมื่อถามถึงกรณีที่ทางรัฐบาลจะทำสื่อเนื้อหาพระราชดำรัสเผยแพร่ผ่านสื่อตลอดเดือน ธ.ค. พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า ถ้ารัฐบาลทำก็ยิ่งดี เราเป็นกลไกรัฐบาลเราก็สามารถช่วยในลักษณะเอาไปแจกจ่าย หรือไม่ถ้ามีปัญหาเรื่องกฎหมาย อาจพิมพ์ซ้ำให้แพร่หลายยังพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีความเข้าใจมากขึ้น เราสนับสนุนเพราะเราเป็นกลไกของรัฐ พูด ง่าย ๆ ถ้ามีมากพอเราก็ช่วยเอาไปแจกจ่าย ถ้ามีไม่มากพอเราก็นำไปทำซ้ำได้ สามารถเผยแพร่ได้ก็จะทำเต็มที่

ส่วนที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าพระราชดำรัสเป็นมงคลของประชาชนชาวไทย และพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านระบอบสภาของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยจะน้อมรับและนำกระแสพระราชดำรัสมาปฏิบัติตรวจสอบการทำหน้าที่รัฐบาลอย่างสมานฉันท์ ด้วยความสุจริต โดยยึดหลัก 1.การทุจริต 2.เรื่องผิดกฎหมาย 3.การไม่เป็นไปตามนโยบายและ 4.เรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งการตรวจสอบจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชน โดยเราจะทำหน้าที่เป็นยาม เป็น รปภ. คอยป้องปรามและปราบทุจริตคิดมิชอบของรัฐบาล ซึ่งเราจะตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ และทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงการที่นายกฯจะนำพระ ราชดำรัสมาตีพิมพ์เผยแพร่ไปยังประชาชนนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทุกคนก็ต้องน้อมรับกระแสพระราชดำรัสนำมาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และไม่ว่ารัฐบาลจะนำพระราชดำรัสตีพิมพ์จำนวนมากเท่าไหร่ต้องย้อนถามกลับ ไปยังนายกฯว่า สำนึกและปฏิบัติตามแล้วหรือไม่

นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยได้น้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการสร้างความสมานฉันท์ และความสามัคคีของคนในชาติมาปฏิบัติ และยึดถือแนวทางนี้มาโดยตลอด และเห็นว่าประชาชนทุกภาคส่วนควรน้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติอย่างเคร่ง ครัด โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ควรนำมาปฏิบัติให้มากที่สุด เพราะปัจจุบันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม เป็นความขัดแย้งที่มาจากความเห็นต่างทางการเมือง ดังนั้น หากฝ่ายการเมืองนำพระราชดำรัสมาเป็นเครื่องเตือนใจว่า การที่จะทำอะไร ควรที่จะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้บ้านเมืองมีความตึงเครียด.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook