การไม่ค่อยพูดผมถือว่าเป็นข้อดี

การไม่ค่อยพูดผมถือว่าเป็นข้อดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ถูกวิจารณ์ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีเรื่อยมาจนล่าสุดถูกค่อนขอดว่า เป็นรัฐมนตรีโลกลืม เป็นรัฐมนตรีข้าวนอกนา จนปรากฏชื่อเป็นรัฐมนตรีลำดับต้น ๆ ที่ควรจะถูกปรับออก ทีมข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้สัมภาษณ์ นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงการทำงานตลอด 1 ปีที่ได้ทำมา และความรู้สึกที่ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย

**ทำงานเป็นรัฐมนตรี 1 ปี มีผลงานอะไรที่อยากบอกกับประชาชน

ตอนแรกที่เข้ามาทำงาน นายกรัฐมนตรีให้ผมทำเรื่องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับเรื่องประเทศจีน ซึ่งมีทั้งเรื่องสินค้าเกษตร การท่องเที่ยว การลงทุน และการชี้แจงสถานการณ์ภายในประเทศไทย โดยในช่วง 3-4 เดือนแรก ผมเดินทางไปประเทศจีนทุกเดือน ซึ่งขณะนี้ก็ทำให้ราคายางพาราดีขึ้น จากนั้นได้มาทำเรื่องระยะยาว โดยลงไปที่รายมณฑล ตามนโยบายของเรา เพราะประเทศจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ เราคงคบทั้งประเทศไม่ไหว เราต้องดูเป็นเรื่องรายมณฑล ซึ่งแต่ละมณฑลประเด็นก็ไม่เหมือนกัน บางมณฑลเป็นเรื่องสินค้าเกษตร บางแห่งก็ต้องเปิดตลาดใหม่และบางทีต้องไปชี้แจงสถานการณ์บางอย่าง ซึ่งก็ทำจบไปหลายเรื่อง นอกจากนี้งานหลักที่ผมได้รับมอบหมายส่วนใหญ่เป็นเรื่องการบริหารราชการภายใน เช่น สำนักงานเลขา ธิการคณะรัฐมนตรี กพร. สำนักงานกฎหมาย ไม่ได้เป็นงานที่สัมผัสกับคนจำนวนมาก

**งานที่ทำไป 1 ปีโดยเฉพาะงานเกี่ยวกับประเทศจีน ผลออกมาชาวบ้านได้อะไรบ้าง

เรื่องการท่องเที่ยวในขณะนั้นเรามีปัญหาเมื่อผมเข้าไปแก้ไขก็จบ จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้เทียบกับปีที่แล้วไม่น่าจะต่างกันอาจจะดีขึ้นนิดหน่อย ส่วนเรื่องการค้าขายถือว่าดีเพราะเราไม่ได้เน้นที่สินค้าที่มีมูลค่ามาก แต่เราเน้นเรื่องสินค้าเกษตร เช่น ยาง ผลไม้ มัน ซึ่งปีนี้อัตราการเพิ่มที่สำคัญน่าจะเป็นผลไม้

งานที่ผมทำส่วนใหญ่ต้องไปร่วมกับกระทรวงอื่น เช่นกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ลักษณะงานจึงเป็นเรื่องที่ร่วมกัน นอกจากนี้ผมยังได้ดูแลโครงการกองทุนหมู่บ้าน โดยปีนี้เราได้ขอเงินเพิ่มทุนกองทุนเกือบ 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ก็ทำเรื่องสถาบันการเรียนรู้ชุมชน เรื่องสวัสดิการของคนในชุมชน เรื่องระบบตรวจสอบ เรื่องสถาบันการเงินชุมชน

**รู้สึกอย่างไรกับคำว่ารัฐมนตรีข้าวนอกนา

ผมไม่รู้สึกยังไงนะ แต่เมื่อมีโอกาสทำงานให้ประเทศชาติก็ตั้งใจทำงานตราบใดที่นายกรัฐมนตรียังให้ความไว้วางใจอยู่และเมื่อ ไหร่ที่นายกรัฐมนตรีคิดว่าเหมาะสมปรัม. ก็เป็นอำนาจของท่านซึ่งรัฐมนตรีทุกคนรวมถึงผมด้วยก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของท่าน รัฐมนตรีหรือใครก็แล้วแต่ไม่ควรกดดันท่านผมคิดว่านายกรัฐมนตรีทราบดีว่าเมื่อไหร่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม และมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนที่กล้าหาญในการตัดสินใจในจังหวะที่เหมาะสม

**รู้สึกอย่างไรเมื่อมีการวิจารณ์ว่าไม่ค่อยมีผลงาน มีรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีเคยแนะนำแนวทางการทำงานหรือไม่

ผู้ใหญ่ที่ให้ผมมาร่วมทำงานด้วยเพราะรู้จักนิสัยใจคอของผมว่าเป็นอย่างไร และงานบางอย่างก็ไม่สะดวกจะพูด ถ้าจะถามเรื่องขายของผมพูดได้ แต่ถ้าถามว่าผมกำลังเจรจาอะไรอยู่ บางทีพูดลำบาก เพราะต้องให้เรื่องจบก่อน และเมื่อเรื่องจบส่วนใหญ่ก็ไปจบที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง แต่ผมก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร ยังคงทำงานเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมาย คนไม่เข้าใจผมก็ชี้แจง

**เป็นเพราะมีลักษณะนักบริหาร ไม่ได้เป็นนักการเมืองจึงไม่ได้คิดว่าเมื่อทำงานแล้วต้องบอกประชาชน

ผมพูดจริง ๆ เลยนะว่าผมเป็นคนชอบทำงาน และทำงานเต็มที่ตามภาระที่ได้รับมอบหมาย เมื่อมีคนมาถามผมก็ตอบ ผมคิดว่าแต่ละคนมีวิธีการคิดไม่เหมือนกัน ผมก็มีวิธีการทำงานและวิธีการคิดของผม ซึ่งผมไม่ได้มองว่าถูกกว่าคนอื่นนะ แต่นี่คือวีระชัย ผมเป็นสไตล์แบบนี้ ทำงานเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เวลามีคนถามผมก็ตอบในงานที่ผมทำและที่ถามผมเรื่องนักการเมืองกับนักบริหาร ผมคิดว่านักข่าวส่วนใหญ่ไม่คิดว่าผมเป็นนักการเมืองเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่ไม่มา ถามเรื่องการเมือง เมื่อก่อนผมเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ผมก็เป็นอย่างนี้ มันไม่ได้แปลกอะไร คนที่อยู่มาก็พอรู้ว่าวีระชัย เขาเป็นอย่างนี้ ถามว่าผมทำงานมามีข้อดีอย่างหนึ่งคือการได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน ไม่มีปัญหาเรื่องการประสานงาน และงานที่ผมทำรัฐมนตรีมาคอมเมนต์งานผมน้อยมาก เพราะผมประสานงานก่อน

**วิธีการทำงานของรัฐมนตรีกับการเมืองปัจจุบันอาจจะไม่เข้ากัน จนทำให้ถูกวิจารณ์มาก

ก็มีคนพูดอย่างนี้หลายที บอกว่าทำงานการเมืองต้องควรจะ 1 แต่ผมเป็น 2 พอควรจะเป็น 3 ผมก็เป็น 4 ผมก็รับฟัง แต่ดูงานที่ผมทำส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา หากมีปัญหาก็ต้องพยายามคุยและให้มันจบ ยิ่งเป็นเรื่องระหว่างประเทศ บางครั้งผมไม่อยากพูดแต่เมื่อเจอปัญหาเราก็จะค่อย ๆ แก้ ทำให้มันเล็กลงไม่ทำให้มันใหญ่ขึ้น อย่างผมทำเรื่องยาง เรื่องปาล์ม ก็ไม่มีปัญหา รัฐมนตรีชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวฯ ยังเคยขอบคุณผมในที่ประชุม ครม. รัฐมนตรีอลงกรพลบุตร ก็เคยขอบคุณผมในสภา

**มองการเมืองไทยในขณะนี้อย่างไร

ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้มีความสามัคคีจากทุกฝ่ายมากกว่านี้ ไม่ได้เจาะจงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งการทำงานไม่ต้องเห็นตรงกัน แต่ความสามัคคีต้องมีและถ้าเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้มันไม่เป็นผลดีกับใคร และรัฐบาลนี้ก็เริ่มดำเนินแนวทางสมานฉันท์ได้ถูกทางแล้ว แต่มันมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่ได้ช่วยทำให้ความสมานฉันท์เกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องพยายามต้องอดทนต่อไป คนไม่เข้าใจก็ต้องชี้แจงไปเรื่อย ๆ ไม่มีประโยชน์อะไรกับการออกมาโวยวาย

ถ้าถามว่าทำงานมา 1 ปี เหนื่อยหรือเปล่า ตอบได้ว่าเหนื่อยนะ แต่ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้มี โอกาสมาทำงานให้กับประเทศชาติ และ ในการทำงานผมเจอเรื่องอะไรมาก อยู่ในการเมืองมานานเป็น 10 ปี ตำแหน่งทางการเมืองผมผ่านมาเกือบทุกตำแหน่งจึงมาเป็นรัฐมนตรี และโชคดีที่ทำงานแล้วผู้ใหญ่ไว้วางใจ และที่บอกว่าการไม่ค่อยพูดของผม ผมถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งเหมือนกันแต่ถ้าผมอยู่ในหมวกใบอื่นที่จำเป็นต้องพูดผมก็ต้องทำ

**รู้สึกโกรธหรือไม่ที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมา ทวงตำแหน่งคืน

ไม่ครับ ผมเฉย ๆ ผมผ่านอะไรมาเยอะ และเข้าใจคนที่พูดด้วย ผมพูดด้วยความจริงใจ และถ้าดูประวัติการทำงานของผม ผมเป็นคนอย่างนี้จริง ๆ ดังนั้นคนที่จะเลือกใช้งานผมก็ต้องรู้จักคุณสมบัติว่าผมเป็นคนอย่างไร

**มีสัญญาใจเรื่องอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรี 1 ปีแล้วต้องคืนให้พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่

ของผมไม่มีนะ ตอนที่ผมถาม ผมถามคำเดียวว่าจะให้ผมมาทำอะไร เขาก็อธิบายว่าอยากให้ผมมาดูงานอะไร อย่างจะให้ผมไป อภิปรายหรือไปพูดอะไร ผมไม่ถนัดงานอย่างนั้น

**มีข่าวว่าเป็นนายทุนพรรคประชาธิปัตย์ถึงได้เก้าอี้รัฐมนตรีมาครอง

ไม่ใช่ครับ

**แล้วมีดีอะไรถึงได้เป็นรัฐมนตรี

ผมไม่ได้คิดว่าผมมีดีอะไร หรือไม่ดีอะไร แต่คิดว่าผู้ใหญ่เขาคิดว่าผมเหมาะสม เขาก็ชวนมาทำงาน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook