อภิสิทธิ์อุบไต๋บินขนขีปนาวุธจอดไทย

อภิสิทธิ์อุบไต๋บินขนขีปนาวุธจอดไทย

อภิสิทธิ์อุบไต๋บินขนขีปนาวุธจอดไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ ทราบเครื่องบินขนขีปนาวุธขอลงจอดไทยเเล้ว ชี้เป็นการสำแดงเท็จไม่ตรงกับความเป็นจริง เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย อุบไต๋ไม่บอกได้รับรายงานจากฝ่ายใด "สุเทพ" ระบุเป็นความร่วมมือหลายฝ่าย

ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล กองปราบปรามและทหารอากาศ ได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นเครื่องบินลำเลียงทางทหาร IL-76 สีขาว ไม่ทราบสัญชาติ หมายเลขข้างเครื่อง 4L-AWA ซึ่งบินมาจากประเทศเกาหลีเหนือ ปลายทางประเทศศรีลังกา ที่ขอลงจอดสนามบินดอนเมือง เพื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเจ้าหน้าที่พบอาวุธสงครามอาร์พีจี ท่อส่งจรวดและอาวุธสงครามอื่น ๆ จำนวนมาก บรรจุ อยู่ในลังบรรจุอย่างดี จำนวน 12 แพ็ค น้ำหนักรวม 35 ตัน โดยผู้ต้องสงสัย 5 คน ซึ่งเป็นชาวคาซัคสถาน 4 คน ชาวเบรารุส 1 คนนั้น

เมื่อเวลา 20.15 น.วันที่ 12 ธ.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กลับจากเดินทางไปร่วมประชุมสัมนาพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดสงขลา กล่าวเรื่องนี้ว่า ได้รับรายงานแล้วเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งพูดง่ายๆ ว่าเป็นการสำแดงเท็จเราจึงดำเนินการไป และไม่มีปัญหาต่อความมั่นคงในประเทศไทย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนและนายกฯ ได้รับทราบรายงานมาตลอด โดยทราบว่าจะมีเครื่องบินที่จะขนอาวุธ เราจึงดำเนินการตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ของเราได้ประชุมหารือกันและดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกระบวนการ และเมื่อเขาดำเนินการแล้ว จะได้รายงานรายละเอียดให้ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายกฯ ระบุว่า เป็นการสำแดงเท็จนั้นหมายความว่าอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าเขาสำแดงเท็จตรงไหนบ้าง แปลง่ายๆ เขาแจ้งว่า สินค้าเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้กับกิจการบ่อน้ำมัน พอไปตรวจจริงๆ เป็นอาวุธ ซึ่งอาจจะเป็นความหมายอย่างที่นายกฯ ระบุก็ได้ แต่ตนขอกรุณาจะยังไม่พูดอะไรมากดีกว่า เพราะมันเกี่ยวพันกับข้อกฎหมาย

"เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับภายในประเทศของเราในขณะนี้ อย่างไรก็ตามผมคงตอบอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าให้มีรายงานข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนก่อน แล้วจะได้ปรึกษาหารือกัน แล้วจึงจะเปิดเผยให้ทราบข้อเท็จจริง" นายสุเทพ กล่าว

ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปนี้คงจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเครื่องบินลำนี้มาจากที่ใด เป็นประเทศที่สามารถค้าอาวุธได้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่ามีความผิดกฎหมายระหว่างประเทศ คิดว่า 1-2 ก็คงจะได้ทราบข้อเท็จจริง

ต่อมาเวลา 20.30 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.ท. ศรีประเสริฐภาพ รอง ผกก.1 บก.ป. พร้อมกำลังคอมมานโดกองปราบปรามได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวต่างชาติ 5 คน ที่ขนอาวุธสงครามร้ายแรงมาทางเครื่องบินลำเลียงมาแวะเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ประกอบด้วย นายอเล็กซ์ซานดระ ไซรเนฟ (Alexandr Zrybnev) อายุ 53 ปี นายวิคเตอร์ อัลดุลลายาฟ (Viktor Abdullayev) อายุ 58 ปี นายวิทาลี ซุนดอฟ (Vitaliy Shumkov) อายุ 54 ปี นายอิลยาส อิสซาคอฟ (ILyas Issakov) อายุ 53 ปี ทั้งหมดสัญชาติคาซัคสถาน และนายมิคาอิล พีทูคู (Mikhail Petukhou) อายุ 54 ปี สัญชาติเบลารุส มาคุมขังระหว่างการสอบสวนที่ห้องขังกองปราบปราม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจคอมมานโดกองปราบปรามได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดด้วยรถตู้ 3 คันโดยมีรถสายตรวจกองปราบปรามขับปิดหัวท้ายขบวน โดยทันทีที่มาถึงเจ้าหน้าที่ได้ทยอยนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังห้องขังกอง ปราบปรามทันที จากนั้นได้ทำการตรวจสิ่งของภายในกระเป๋าสัมภาระ และทำบันทึกทรัพย์สินของแต่ละคนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำตัวเข้าห้องขังเพื่อรอการสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งในเบื้องต้นมีรายงานว่าผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่ให้การใดๆ เนื่องจากต้องการให้พนักงานสอบสวนประสานนำเจ้าหน้าที่ล่ามภาษารัสเซียมาร่วม สอบปากคำ

อย่าง ไรก็ตามในการควบคุมตัวผู้ต้องหาต่างชาติทั้ง 5 คนนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับทั้งหมดในความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนปราบปรามทางบก กรมศุลกากร ที่ประจำอยู่ท่าอากาศยานดอนเมืองได้เข้าทำการตรวจสอบเครื่องบินลำดังกล่าว ที่แวะจอดเติมน้ำมัน โดยแจ้งเส้นทางการบินว่าเดินทางมาจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ โดยมีจุดหมายปลายทางคือประเทศศรีลังกา

จากการตรวจสอบปรากฏว่าพบกล่องเล็กขนาดเล็ก และใหญ่ กล่องลังไม้หลายขนาด และกล่องเหล็กบรรจุท่อเหล็กขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 240 มิลลิเมตร รวมทั้งสิ้น 145 กล่อง โดยในจำนวนนี้มีบางรายการเป็นอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่เข้าข่ายความผิดฐานมี อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบ กระทั่งถึงช่วงบ่าย วันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ต.ทนงศักดิ์ พวงพ่วงรอด รอง ผบ.นย.อย. พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร และพ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.ดอนเมือง และพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้เข้าทำการตรวจสอบของกลางและทำการจับกุมชาวต่างชาติทั้งหมดมากับเครื่องบินลำนี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook