แฉอีลิทการ์ดเน่าสุดขาดทุนพันล้าน

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.เศรษฐกิจ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างขอบเขตของงานหรือทีโออาร์โครงการให้เอกชนเข้าดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (บัตรอีลิทการ์ด) ของ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด รวมถึงโครงสร้างคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อดำเนินการตามทีโออาร์ โดยไม่ต้องมีตัวแทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมเป็นกรรมการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมูลค่าที่จะขายให้เอกชนต้องไม่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีในปัจจุบัน หากไม่มีเอกชนรายใดให้ความสนใจก็ต้องยุบเลิกบริษัทและโอนให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้ดูแลและให้บริการสมาชิกรายเดิมตามสัญญา

ยอมรับว่ารัฐบาลต้องการยุบเลิกโครง การนี้ตั้งแต่แรกเพราะเป็นโครงการที่ล้มเหลว ขาดทุนต่อเนื่องมาโดยตลอดปัจจุบันมีเงินสดเหลือเพียง 304 ล้านบาท แต่ขาดทุนเป็นพันล้านบาท ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชาติและปัญหาคาราคาซังที่สำคัญน่าเหลือเชื่อว่าเงื่อนไขที่ให้กับสมาชิกเป็นแบบตลอดชีวิตและให้ทายาทใช้ได้ต่ออีก 30 ปี ซึ่งผิดหลักการและอาจเป็นไปได้ว่าเป็นโครงการที่ต้องการค่าคอมมิชชั่นจากการขาย โดยโฆษณาให้ประชาชนเข้าใจว่าบัตรสมาชิกใบละ 1 ล้านบาทจะเป็นรายได้เข้าประเทศทั้งหมดแต่ที่จริงแล้วมีเงินรายได้เพียง 7 แสนบาท

นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า คาดว่ากระบวนการขายกิจการบัตรอีลิทการ์ดให้กับเอกชนจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนหรือประมาณเดือนก.พ. 53 โดยมูลค่าที่คุ้มค่าต้องไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท เพราะ ททท.ถือหุ้น 100% และลงทุนไปแล้ว 500 ล้านบาท ขณะที่มีสินทรัพย์ประมาณ 54 ล้านบาท มีหนี้สินประมาณ 100 ล้านบาทเศษ ที่สำคัญกระทรวงการคลังเห็นว่าการขายบริษัทต้องมีค่ากู๊ดวิลล์หรือค่าความนิยมของบริษัทด้วย.