''จิตภัสร์''ลาออก รับผิดชอบเป็นข่าวแจกปฏิทินหวิว
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. เครือข่ายศูนย์ผู้หญิงและเด็ก 10 จังหวัด ประมาณ 60 คน นำโดยนางอรุณี ศรีโต ผู้ประสานงานศูนย์ฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รับผิดชอบ และแสดงจุดยืน กรณีที่ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทายาทบริษัทบุญรอดฯ ที่นำปฏิทินเบียร์ลีโอมาแจกในทำเนียบรัฐบาลถือเป็นการตบหน้าประชาชน และขอให้ออกมาขอโทษประชาชน
นายสาทิตย์ กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนโทรศัพท์ไปพูดคุย และสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว น.ส.จิตภัสร์ ชี้แจงว่าการนำปฏิทินมาแจกครั้งนี้ไม่ได้มีการคิดอะไร แต่เพราะมีคนขอเอาไว้จึงนำมาให้ และตนได้แนะนำไปว่าในเมื่อขณะนี้เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าวเกิดขึ้นมาแล้ว ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงไป ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ทั้งนี้ น.ส.จิตภัสร์ ยอมรับกับตนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับตัวเอง เพราะไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้ เมื่อมีคนขอเขาก็เอามาให้ และตนสอบถามไปว่าหลังจากมีข่าวเกิดขึ้นแล้วมีใครนำปฏิทินมาคืนบ้างหรือไม่
ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ. สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิด พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามามาก จากภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์ เพื่อความรอบคอบจึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางการกฎหมายมาหารือร่วมกันในวันที่ 21 ธ.ค. พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการ เพื่อพิจารณาว่ามีกรณีใดที่เป็นความผิดจากการจงใจ เจตนาทำผิดกฎหมาย กรณีใดที่เกิดขึ้นแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และกรณีใดที่ควรแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีปฏิทินเบียร์ยี่ห้อดังนั้น หลังจากการประชุมแล้ว จะเดินทางไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทที่ดำเนินการต่อไป
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า นอกจากกรณีปฏิทินที่มีการร้องเรียนเข้ามาแล้ว ยังมีกรณีอื่น ๆ เช่น การจัดจำหน่ายเบียร์ในสถานที่ต้องห้าม เช่น การจัดลานเบียร์ในสวนสาธารณะทั้งใน จ.ขอนแก่น และ สงขลา ล่าสุดในพื้นที่ กทม. ด้วย ส่วนความคืบหน้าในการออกกฎกระทรวง เรื่องห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การแสดงชื่อ เครื่องหมายการค้าของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และของผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เนื่องจากบริษัทเหล้าได้ร้องไปที่คณะกรรม การกฤษฎีกา ทำให้การพิจารณาล่าช้า แต่ล่าสุดคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเสร็จแล้ว โดยสรุปคือ ข้อร้องเรียนบริษัทเหล้าฟังไม่ขึ้น มีการแก้ไขเล็กน้อย ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งให้นายกรัฐมนตรีลงนาม แต่ไม่ทราบว่าจะมีการนำเสนอให้ ครม. พิจารณาก่อนลงนามหรือไม่
ที่รัฐสภา วันเดียวกัน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นกรรมาธิ การยกร่างประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผนราษฎร รู้สึกรับไม่ได้กับกรณีที่ น.ส. จิตภัสร์ นำปฏิทินนู้ดปีใหม่ไปแจกจ่ายในทำเนียบฯ ถือเป็นการท้าทายอำนาจรัฐ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องดังกล่าวผิดกฎหมาย ทั้งนี้ในการประชุม ส.ส.พรรคฯ วันที่ 22 ธ.ค.นี้ จะสอบถามว่า น.ส.จิตภัสร์ เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้โดยสัดส่วนของพรรคด้วยเส้นสายใคร คนที่นำ น.ส.จิตภัสร์ เข้ามาก็ต้องรับผิดชอบ โดยการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคฯ ไปด้วย
ด้านนายมานิต นพอมรบดี รมช. สาธารณสุข กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้มีการประ ชุมทีมกฎหมาย และสรุปกรณีปฏิทินเบียร์ยี่ห้อดังโดยเร็วที่สุด โดยในวันที่ 21 ธ.ค. จะประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากประชุมเสร็จสิ้นแล้ว จะแจ้งความต่อเจ้าพนักงานที่มาร่วมประชุมเพื่อเอาผิดทางกฎหมาย เพราะไม่ใช่แค่ ปฏิทินอย่างเดียว แต่รวมถึงสื่อการโฆษณาอย่างอื่นด้วย เช่นการพิมพ์เสื้อมีโลโก้สินค้า แล้วจำหน่าย รวมไปถึงการให้สปอนเซอร์ เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การแสดงคอนเสิร์ต รวมทั้งลานเบียร์
ขณะที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดแถลงข่าวว่า หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นถึงข้าราชการการเมือง ปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักเลขาธิ การนายกรัฐมนตรี เป็นลูกน้องคนสนิทของนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนในฐานะอดีตที่ปรึกษา และโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรง เพราะทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่สำคัญของประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม ออกมาดูแลหรือเห็นว่าเป็นเรื่องของพรรคพวกกลุ่มเดียวกันเลยทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
คนที่ต้องรับผิดชอบคือนายปณิธาน ที่ปล่อยให้เรื่องเด็กในสังกัดออกมาสร้างความเสียหายนำภาพโป๊เปลือยมาแจกในทำเนียบฯ ผมพูดได้สั้น ๆ ว่าไม่เหมาะสม ผมขอตั้งข้อสังเกตเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการสมรู้ร่วมคิด เพื่อกลบข่าวความล้มเหลวของรัฐบาลและปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ส่วนนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒน ธรรม (วธ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้ อยากทราบว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้มีการนำปฏิทินชุดดังกล่าวไปแจกจ่ายภายในทำเนียบรัฐบาล ตนเห็นภาพข่าวถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างมาก จึงประสานไปยังศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ทำหนังสือเรียกร้องไปยังบริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เพื่อให้มีการระงับการแจกจ่ายปฏิทินดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชา ชนจำนวน 1,160 คน กรณี บ.สิงห์ฯ ทำปฏิทินวาบหวิวแจกจ่ายลูกค้าที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงปีใหม่ พบว่า 31.14% เชื่อเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาดของบริษัทฯ ขณะที่ 16.39% เห็นว่าไม่สมควรทำออกมาในลักษณะดังกล่าว ส่วนการมองปฏิทินที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้นั้น สำรวจพบประชาชนมองว่า โป๊ 45.86% ไม่โป๊ 38.85% เรื่องนำไปแจกกับข้าราชการในทำเนียบฯ เป็นการไม่เหมาะสม 59.87% เฉย ๆ 36.28%
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรี นำหนังสือลาออกของ น.ส.จิตภัสร์ เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีที่ตกเป็นข่าวนำปฏิทินวาบหวิวมาแจกจ่ายในทำเนียบฯ โดยนายศิริโชค กล่าวว่า นายกฯได้แสดงความเป็นห่วงกับเรื่องนี้ แต่มีภารกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ ยืนยันว่าไม่ได้มีการบีบบังคับ หรือกดดันให้ออกจากตำแหน่ง แต่ น.ส.จิตภัสร์ ตัดสินใจลาออกเอง ตนเพียงทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ให้เท่านั้น ถามว่ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า แม้ว่าไม่ใช่เป็นการกระทำ ของรัฐบาล แต่มันเกิดขึ้นในทำเนียบฯ รัฐบาลจะปฏิเสธความรับผิดชบไม่ได้ เบื้องต้น น.ส.จิตภัสร์ ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ในส่วนของรัฐบาลเองก็ต้องทบ ทวนและต้องมีความระมัดระวังรอบคอบ
ถามว่าได้มีการตรวจสอบหรือไม่ว่ามีข้าราชการการเมืองบางคนไปขอรับปฏิทินด้วยหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า เราไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คงต้องดูในแง่ของกฎหมายว่าคนรับมีความผิดหรือไม่ แต่น.ส.จิตภัสร์ยื่นใบลาออกแล้ว สำหรับคนอายุ 23 ปี ถือว่าเป็นความรับผิดชอบที่สูงพอสมควร ส่วนการแต่งตั้งใหม่ เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดของรัฐบาลที่อาจดูแลน้องไม่ดีพอ ทำให้เกิดความพลาดพลั้ง ต้องขอโทษประชาชนเช่นเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถามว่าสาเหตุที่ลาออกเกรงว่ากระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า การลาออกครั้งนี้น่าจะมาจากจิตสำนึกที่รับผิดชอบต่อสังคมของ น.ส.จิตภัสร์เอง
ทั้งนี้หนังสือลาออกระบุว่า ดิฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะนำปฏิทินไปแจกจ่าย แต่เป็นเพราะมีพี่ ๆ หลายคนสนใจปฏิทินนี้ ประกอบกับเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงนำติดรถมา ระหว่างนั้นพี่สื่อมวลชนหลายคนเห็น และเข้ามาขอปฏิทินด้วย ดิฉันให้กับทุกคนโดยยอมรับว่า ไม่ทันได้คิดว่า จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถือเป็นความไม่รอบคอบของดิฉันเอง จนทำให้ส่งผลกระทบตามมามากมาย ดิฉันรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองและครอบครัวได้รับผลกระทบแล้ว ยังส่งผลให้ผู้ใหญ่หลายคนที่ดิฉันนับถือพลอยเสื่อมเสียไปด้วย
ดังนั้นแม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้งเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดชอบ ดิฉันขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอน้อมรับคำวิจารณ์ทั้งหมด เพื่อนำไปปรับปรุงตัวเอง พร้อมกันนี้ต้องกราบขอโทษไปยังประชาชนทั้งประเทศ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมขึ้นในทำเนียบฯ ดิฉันขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. 52 บทเรียนครั้งนี้เป็นสิ่งมีค่ามาก และจะเป็นเครื่องเตือนสติดิฉันว่า ทุก ๆ การกระทำต้องมีความระมัดระวังและรอบคอบ และหวังว่าสังคมการเมืองจะยังเปิดโอกาสให้ดิฉันพิสูจน์ตัวเองในภายภาคหน้า จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี
ด้านนายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องที่นายชาญชัยระบุว่าจะสอบถามผู้ใหญ่ของพรรคถึงที่มาของ น.ส.จิตภัสร์ พร้อมให้ผู้ชักนำ น.ส.จิตภัสร์ ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคนั้น ตนมองว่าไม่เหมาะสมที่จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม ตนไม่อยากให้มองว่าใครเป็นกลุ่มทุน แต่อยากให้ดูที่ความสามารถมากกว่า ไม่เช่นนั้นคนมีเงินคงเล่นการเมืองไม่ได้ ตนอยากให้เรื่องนี้จบแค่นี้ เพราะน.ส.จิตภัสร์ก็ได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งแล้ว ไม่อยากให้มองกันว่าใครก็ตามที่ได้มาทำงานกับเรา แล้วจะต้องเป็นกลุ่มทุนเท่านั้น เพราะความเป็นจริงเราคัดเลือกบุคคล โดยดูจากความรู้ความสามารถมากกว่า อยากขอร้องนายชาญชัย ให้หยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว.
