นักวิจัยไทย ศึกษาการหมุนเวียนคาร์บอนในระบบการผลิตอ้อย
นักวิจัยไทย ศึกษาการหมุนเวียนคาร์บอนในระบบการผลิตอ้อย พืชเศรษฐกิจที่นำมาใช้ผลิตน้ำตาลส่งออกสูงเป็นลำดับที่ 2 ของโลก หวังเป็นข้อมูลวางแนวทางช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นางสาวมณฑิรา ยุติธรรม นักศึกษาปริญญาเอก สายวิชาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเร่งให้ความสำคัญดำเนินมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งไทยเอง ล่าสุดได้ศึกษาการหมุนเวียนเชิงปริมาณของคาร์บอนในระบบการผลิตอ้อยในประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชพลังงานที่สามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้ไปผลิตเป็นพลังงานได้ โดยเฉพาะมีการส่งออกสูงเป็นลำดับที่ 4 ของโลก พร้อมนำไปผลิตเป็นน้ำตาลที่ส่งออกสูงมากเป็นลำดับที่ 2 ของโลกรองจากบราซิล ทั้งนี้ ได้มีการเก็บข้อมูลแบบครบวงจร ทั้งการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมีเทน (CH4) จากดิน การย่อยสลายของเศษซากอ้อย การประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการจัดการเกษตร พร้อมเก็บข้อมูลปริมาณการหมุนเวียนคาร์บอนในกระบวนการผลิตน้ำตาล จากการศึกษาพบว่าการหมุนเวียนคาร์บอนในดินมีปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดถึงร้อยละ 50 และหากมีการเผาใบอ้อยหลังการเก็บเกี่ยวจะทำให้มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย ส่วนในการจัดการปลูกอ้อย พบว่า การใช้ปุ๋ยเคมีก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด ทั้งนี้ หากมีการจัดการปลูกอ้อยที่ดีจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศได้มาก เช่น การลดการเผาใบอ้อยก่อนหรือหลังเก็บเกี่ยว รวมถึงเปลี่ยนจากการใช้ปุ๋ยเคมีมาเป็นปุ๋ยอินทรีย์จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เกือบร้อยละ 40 ส่วนโรงงานน้ำตาลหากมีการนำชานอ้อยมาใช้ผลิตพลังงาน เพื่อทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะสามารถช่วยลดการปลดปล่อย ก๊าซเรือนกระจก จากการใช้พลังงานฟอสซิลได้มากกว่าร้อยละ 80 อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาครั้งนี้ไม่เพียงจะช่วยวางแผนการจัดการเกษตรกรรมอ้อยมีคุณภาพมากขึ้น ยังสามารถใช้ของเสียจากโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำข้อมูลการหมุนเวียนของคาร์บอนในระบบการผลิตอ้อยมาเป็นแนวทางวางแผนลดการปลดปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย