คำปราศรัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ ประจำปี พุทธศักราช

คำปราศรัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ ประจำปี พุทธศักราช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลดิถีขึ้นพุทธศักราชใหม่ ในวันที่ 1 มกราคม 2553 ผมในนามของคณะรัฐมนตรีขอส่งความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทยทุกท่าน และขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่า ตั้งจิตพร้อมน้อมอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลประทานชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอให้ทรงพระเจริญสิริสวัสดิ์ ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล สถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าเหล่าพสกนิกรตราบจิรัฐิติกาลเทอญ พี่น้องประชาชนที่รักและเคารพครับ พุทธศักราช 2552 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป รัฐบาลและพสกนิกรชาวไทยได้ร่วมใจกันจัดงานและกิจกรรมเฉลิมฉลอง ร่วมกันทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศล รวมทั้งได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายเป็นราชสักการะ ด้วยความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเฉพาะในระหว่างวันที่ 3 ถึง วันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมาได้มีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ แสดงถึงความจงรักภักดีของพสกนิกรและความแน่นแฟ้นระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับราษฎรอย่างที่ไม่อาจหาดูได้จากที่ใดในโลก ซึ่งผมขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้ร่วมกันทำให้ปีที่ผ่านมามีคุณสำหรับปวงชนชาวไทยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยความจริงใจ ประชาชนชาวไทยที่รักและเคารพทั้งหลาย ในช่วงต้นปีพุทธศักราช 2552 ประเทศไทยได้ประสบกับวิกฤติหลายด้าน ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกครั้งใหญ่ ทั้งปัญหาการเมืองที่มีความแตกแยกและลุกลามจนเกิดเหตุความไม่สงบในเดือนเมษายน ทำให้การบริหารบ้านเมือง การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตลอดจนความเชื่อมั่นต่อประเทศที่ถูกผลกระทบอย่างรุนแรง รัฐบาลจึงได้เร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตดังกล่าว โดยในด้านเศรษฐกิจได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน และดำเนินนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อหยุดยั้งการหดตัวของเศรษฐกิจ มาตรการสำคัญที่รัฐบาลได้ดำเนินการ คือการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พุทธศักราช 2552 จำนวนหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหกพันเจ็ดร้อย (116,700) ล้านบาท เน้นการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายของประชาชนที่มีรายได้น้อยและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ รวมไปถึงการใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การให้สวัสดิการค่าตอบแทนแก่อาสาสมัครทั่วประเทศ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาของเยาวชน 15 ปีอย่างมีคุณภาพ การช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้วยโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน การช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนและบุคลากรภาครัฐผ่านโครงการเช็คช่วยชาติ การจัดทำโครงการต้นกล้าอาชีพ การเพิ่มวงเงินสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร การแก้ไขปัญหาการว่างงานและชะลอการเลิกจ้าง การประกาศให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรและโครงการแก้หนี้สินนอกระบบ เป็นต้น พี่น้องประชาชนที่เคารพรัก การดำเนินมาตรการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาลในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาดังกล่าว ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวขึ้น และทำให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 อีกทั้งยังสามารถบรรเทาปัญหาการว่างงานได้อย่างน่าพอใจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศอย่างต่อเนื่อง และเพื่อวางรากฐานของประเทศในระยะยาว รัฐบาลได้เริ่มแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ขึ้น โดยจะลงทุนในช่วงปี 2552 ถึงปี 2555 ด้วยเงินกว่า 1.43 ล้านล้านบาท ผ่านโครงการมากกว่า 6,000 โครงการ กระจายไปในทุกภูมิภาคและทุกจังหวัดทั่วประเทศ เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานถึง 7 สาขา ทั้งการขนส่งและการสื่อสาร การบริหารจัดการน้ำ การศึกษา การสาธารณสุข การท่องเที่ยว พลังงาน เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ และการยกระดับชุมชน ปี 2553 นี้ จึงเป็นปีสำคัญของการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และรัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่า แผนปฏิบัติการฯ นี้จะสามารถสร้างงานได้ประมาณปีละ 500,000 ตำแหน่ง จะสามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศจากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 19 ของ GDP ให้เหลือเพียงร้อยละ 16 จะมีพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นจาก 24.5 ล้านไร่ เป็น 25.6 ล้านไร่ จะทำให้จำนวนนักเรียนในประเทศอ่านออกเขียนได้ในอีก 3 ปี ข้างหน้า พี่น้องประชาชนจะสามารถรับบริการสาธารณสุขใกล้บ้านที่มีคุณภาพดีขึ้น จะมีการลงทุนในโครงการเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนผ่านโครงการกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น ในด้านการเมือง รัฐบาลยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยึดหลักการทำงานร่วมกับสมาชิกรัฐสภาตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมือง โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ภายใต้กฎกติกาเดียวกันโดยไม่ใช้ความรุนแรงหรือการกระทำใด ๆ ที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของส่วนรวม ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยความจริงใจที่ให้กำลังใจให้การสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา จนทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปี 2553 พี่น้องประชาชนคนไทย จะยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง และความสมานฉันท์ ร่วมแรงร่วมใจกันเสริมสร้างความเข้มแข็งความเจริญเติบโตมั่นคงยั่งยืนสืบไป เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2553 นี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยรวมพลังแห่งความจงรักภักดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้มีพระสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ตลอดไป และในนามของคณะรัฐมนตรีผมขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดดลบันดาลประทานพรอันประเสริฐให้พี่น้องประชาชนชาวไทยมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงปราศจากโรคภัยและอุปัทวันตรายทั้งปวง ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ และความเจริญก้าวหน้า เป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์พัฒนาชาติบ้านเมืองให้ก้าวหน้ารุ่งเรืองตลอดไป สวัสดีปีใหม่ครับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook