คำปราศรัยเนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2553 ของ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาในการบันทึกเส

เนื่องในวาระดิถีเถลิงศกใหม่ พุทธศักราช 2553 ที่จะมาถึงนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทย รวมทั้งชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยทุกท่าน จงรวมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดดลบันดาลและประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ ทรงเป็นพระมิ่งขวัญปกเกศคุ้มเกล้า แก่เหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบนิรันดร์กาล พี่น้องชาวไทยที่รัก ในนามของประธานรัฐสภา ผมขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนทุกคนว่า สถาบันนิติบัญญัติจะตั้งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ชอบธรรม โปร่งใส โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ รวมทั้งจะสนับสนุนให้เกิดความปรองดอง สมานฉันท์ และความร่วมมือร่วมใจกันในการส่งเสริม รักษา และพัฒนาการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ทั้งนี้ในปีพุทธศักราช 2552 ที่ผ่านมา ผมได้ริเริ่มให้มีการจัดสัมมนาเรื่องการเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ในการทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ปกครองท้องที่ และขณะนี้ก็กำลังจัดสัมมนาในเรื่องดังกล่าวให้กับผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอีกด้วย เนื่องจากผมได้เล็งเห็นว่าผู้เข้าร่วมสัมมนาล้วนแต่เป็นผู้มีบทบาทอันสำคัญ ในการที่จะนำความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนาไปถ่ายทอดสู่ประชาชนทั่วไปให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเมืองการปกครอง รวมทั้งสร้างความเข้าใจและความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ในบทบาทของการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัตินั้น รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบกฎหมายไปแล้วหลายฉบับ ที่สำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ...... ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่....) พ.ศ..... ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่...) พ.ศ..... เป็นต้น ดังนั้น จะเห็นได้ว่าบทบาทของสถาบันนิติบัญญัติดังที่ได้กล่าวข้างต้นล้วนเป็นบทบาทอันสำคัญ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อจะบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่พี่น้องประชาชนและยังประโยชน์ให้เกิดแก่ประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ ในปีพุทธศักราช 2553 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผมขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยที่รักทุกคนจงร่วมใจกันตั้งจิตมั่น ให้คิดและทำแต่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม และประพฤติปฏิบัติตน ให้เป็นไปตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้พระราชทานไว้แก่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในโอกาสเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2552 ดังความตอนหนึ่งว่า ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข ความเจริญมั่นคงจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิต ตั้งใจ ให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมือง อันเป็นถิ่นที่อยู่ ที่ทำกินของเรา มีความเจริญ มั่นคง ยั่งยืนไป จากพระราชดำรัสที่ได้อัญเชิญมาดังกล่าว หากคนไทยทุกคนร่วมใจกันน้อมรับไว้เหนือเกล้าและนำไปประพฤติปฏิบัติ ก็จะเป็นมงคลแก่ชีวิตและถือเป็นการสนองในพระมหากรุณาธิคุณเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีความสุข อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้ประเทศไทยมีความเจริญมั่นคงยั่งยืนสมดังพระราชดำรัสอีกด้วย ในโอกาสนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล อีกทั้งพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดอภิบาลดลบันดาลให้พี่น้องชาวไทยทุกคนจงประสบแต่ความสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลด้วยจตุรพิธพรชัย มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต คิดประสงค์จำนงหมายสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรม ขอให้สัมฤทธิ์ผลสมดังปรารถนาทุกประการ สวัสดี