ชวน ฟันธงปี 53 ยังมีกลุ่มมุ่งป่วนเมือง

ชวน ฟันธงปี 53 ยังมีกลุ่มมุ่งป่วนเมือง

ชวน ฟันธงปี 53 ยังมีกลุ่มมุ่งป่วนเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชวน ประเมินปี 53 ยังมีกลุ่มมุ่งป่วน เตือน รบ. ใช้กลไก กฎหมาย ดำเนินการตรงไปตรงมา อย่าให้อ้างเรื่อง 2 มาตรฐาน ได้

(1ม.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในปี 2553 ว่า จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาก่อปัญหาตลอด ซึ่งตามหลักการชุมนุมถ้าเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธก็สามารถทำได้ แต่ถ้าขว้างปาสิ่งของหรือทำอะไรที่ละเมิดกฎหมาย ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ดำเนินการ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจเป็นกลไก หากใครไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย หากไม่กล้าดำเนินการจะไปโยนความรับผิดชอบให้คนอื่นไม่ได้ ดังนั้นเห็นว่ารัฐบาลควรต้องรักษาความเรียบร้อย และกระบวนการบังคับใช้กฎหมายต้องให้ได้ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่สามารถบริหารบ้านเมืองโดยยึดหลักนิติธรรมและหลักกฎหมาย แต่ยังไม่จบอยู่แค่นั้นเพราะยังมีกระบวนที่จะดำเนินการกับผู้กระทำผิด ไม่ว่ากลุ่มใดก็ตาม ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลให้หน่วยงานดำเนินการไปตามความเป็นจริง ที่เกิดขึ้น ไม่ให้มีการกล่าวหาเรื่อง 2 มาตรฐาน ทั้งนี้เห็นว่า 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลทำได้ดีพอสมควร และต้องเข้มข้นต่อไป เพราะเราไม่สามารถคาดหมายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

"คำขู่ของคนกลุ่มหนึ่งจะเป็นจริงหรือไม่ เราไม่ทราบ ถ้าถามว่าถ้าเกิดขึ้นแล้วใครต้องดูแล รัฐบาลต้องมีหน้าที่ดูแล กลไกของรัฐ คือ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งกินภาษีประชาชน ก็ต้องดูแลรักษาบ้านเมือง แต่ผมคิดว่าพัฒนาการในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองก็เข้าสู่กฎเกณฑ์กติกาเรื่อยๆ มากขึ้นโดยลำดับ ถ้ารักษาแนวทางนี้ได้ชัดเจน ผ่านพ้นวิกฤติก่อเหตุร้ายไปได้ และสามารถทำให้กฎหมายมีผลบังคับเอาคนผิดมาลงโทษ ปล่อยคนไม่ผิดออกไป ถ้าทำได้อย่างนี้ บ้านเมืองจะผ่านพ้นอุปสรรคและปัญหาที่ถือว่าเป็นวิกฤติของบ้านเมืองมาต่อ เนื่องไปได้ และถ้าเราผ่านพ้นเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ ประชาธิปไตยของไทยจะเข้มแข็ง ต้องถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเรียนรู้ที่สำคัญ เป็นประสบการณ์ที่ประเทศต้องประสบครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของทั้งรัฐบาลและพี่น้องคนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกันยึดหลัก ถูกต้องชอบธรรม และเชื่อมั่นในสถาบันของบ้านเมือง" นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลชุดนี้จะผ่านภาวะความพยายามที่จะให้เป็นรัฐล้มเหลว คืออยู่ในสภาที่บริหารได้แต่ปกครองไม่ได้หรือไม่ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคุมรัฐบาลได้ เพราะไม่ใช่เด็กหัดใหม่อย่างที่ใครคิด เป็นนักการเมืองมาเกือบ 20 ปี เป็นส.ส.มาหลายสมัย ทำงานในฐานะฝ่ายค้าน รัฐบาลมาในช่วงเวลาที่นานพอสมควร และได้ศึกษาเรียนรู้อุปสรรคปัญหาความสำเร็จ และความไม่สำเร็จมา ดังนั้นวุฒิภาวะในการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ ตนเชื่อว่าอยู่ในพื้นฐานที่มองเห็นประโยชน์ของส่วนรวม และเป็นหนทางที่เห็นว่าดีที่สุดสำหรับส่วนรวม

ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมีความเคลื่อนไหวของทั้งในและนอกประเทศนั้น นายชวน กล่าวว่า เป็นช่วงเวลารีบทำ หรืออาจจะมีเงื่อนเวลาที่อยากทำให้เสร็จในปีนี้ เหมือนที่ประกาศเอาไว้ว่าจะต้องจบสิ้น ไม่จบไม่เลิก ซึ่งความจริงหากชุมนุมโดยสงบ ไม่มีอะไรรุนแรงก็สามารถทำได้ และตนคิดว่ารัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น แต่ถ้ารุนแรงก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องแก้ไข ซึ่งตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีดูแลความเรียบร้อยได้ และ "เอาอยู่" เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนที่วูบวาบตามกระแส แต่เป็นคนมีหลัก ทั้งนี้การที่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศจะกลับประเทศไทยกลางปีนี้ก้ถือว่าเป็นสิทธิ เพราะพ.ตท.ทักษิณเป็นคนไทย ไม่มีใครห้ามเข้ามา เจ้าหน้าที่ทำได้อย่างเดียวคือห้ามคนไทยออกนอกประเทศ แต่ถ้าเข้ามาตำรวจปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก็ถือว่าตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมาที่ว่า พระองค์ท่านจะมีความสุขได้ต่อเมื่อบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า มั่นคง เป็นปกติสุข และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละหน่วยงานของตัว เอง ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ มีสติ มีปัญญา มีความซื่อสัตย์ ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นคำแนะนำที่ประเสริฐที่สุดสำหรับคนที่ทำงานเพื่อแก้ปัญหา ให้ส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล แต่หมายถึงทุกฝ่าย ใครทำหน้าที่อะไรจะต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เฉยๆ หรือปล่อยปละละเลย ไม่เช่นนั้นก็ไม่เป็นไปตามพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook