ยันถูกแท็กซี่มอมยาจริง นาตาลี เซ็งโดนว่าสร้างกระแส

ยันถูกแท็กซี่มอมยาจริง นาตาลี เซ็งโดนว่าสร้างกระแส

ยันถูกแท็กซี่มอมยาจริง นาตาลี เซ็งโดนว่าสร้างกระแส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นาตาลี เดวิส เซ็ง ถูกอินเทอร์เน็ตมองแง่ร้ายสร้างกระแสถูกมอมยา ยืนกรานถูกมอมยาจริง ไม่ใช่มึนหัวเพราะเล่นบีบีในรถ

เป็นนักแสดงสาวอีกคนหนึ่ง ที่เผยว่าประสบกับเหตุการณ์ถูกแท็กซี่มอมยา ด้วย นาตาลี เดวิสเผย อาการว่ารู้สึกเวียนหัวขณะนั่งในรถแท็กซี่ที่เรียกให้มารับที่บ้าน แล้วแท็กซี่คนดังกล่าว ใช้ครีมทามือที่คาดว่าน่าจะเป็นยาสลบ ออกมาทาขณะขับรถ และสักพักเธอก็รู้สึกเวียนหัว พร้อมกับแท็กซี่คันดังกล่าว ก็มีพฤติกรรมคล้ายกับการมอมยาที่เธอเคยได้ยินมา แต่ทั้งนี้กลับมีกระแสแง่ลบจากทางอินเทอร์เน็ต กล่าวหาว่าสร้างกระแส งานนี้ นาตาลี เผยความรู้สึก

"เท่าที่หนูเห็นจากในอินเทอร์เน็ต ก็มีหาว่าสร้างกระแสหรือเปล่า แต่ที่ไม่แจ้งความ เพราะเรายังไม่เกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมาก แล้วมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ได้โทรไปที่ศูนย์แท็กซี่แล้วว่า ให้ช่วยติดตามเรื่องให้ด้วย ให้ดูแลคนขับหน่อย ที่ศูนย์เขาเป็นแค่ศูนย์กลางในการติดต่อลูกค้าที่จะเรียกแท็กซี่ไปในบ้าน เขาไม่ได้เป็นเจ้าของแท็กซี่ แค่เป็นศูนย์ที่ช่วยรับเรื่องไว้ ทะเบียนรถก็จำได้ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่แจ้งความ เพราะแท็กซี่เขาก็ไม่ได้ใช้คนเดียว เขาเปลี่ยนหลายกะ แม่ก็ยังบอกว่าแบบนี้อันตราย เพราะเขารู้จักบ้านเรา แล้วบ้านหนูค่อนข้างมืด เปลี่ยวด้วย กลับบ้านคนเดียวประจำ เปิดรั้วคนเดียวก็อันตราย แม่ก็บอกอย่าไปบอกทะเบียนเลย เดี๋ยวเขาจะตามมาที่บ้าน แค่เป็นข่าวแค่นี้ก็ยังแย่แล้ว คนว่าเยอะมาก ว่าสร้างกระแสอย่างนั้นอย่างนี้" นาตาลีกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะนักแสดงสาวนั่งเล่นแบล็กเบอร์รี่กับเพื่อนระหว่างนั่งรถ เลยเป็นสาเหตุของการมึนเมา เรื่องนี้เธอยืนยันว่า

"ไม่เกี่ยวหรอก หนูก็เล่นบีบีประจำอยู่แล้ว เป็นคนอ่านหนังสือในรถ ทำอะไรในรถได้หมด แต่หนูมั่นใจว่าครั้งนี้หนูโดนวางยาแน่ เพราะขนาดตัวหนูเองยังไม่ใช้ครีมทามือเลย แล้วหลายคนเขาก็เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เหมือนกัน เกิดอาการอย่างนี้ ก็คิดว่าใช่ ถามว่าเสียใจไหมที่อินเทอร์เน็ตว่าหนูอย่างนี้ จริงๆ หนูไม่ได้เป็นคนให้ข่าวด้วยซ้ำ หลังเกิดเหตุการณ์ ก็โพสต์ในเฟซบุ๊กให้ระวังว่ามันอันตรายมาก เจอกลางวันแสกๆ อาการมันเป็นแบบนี้ๆ แต่พอดีพี่นักข่าวที่เขาเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กเขาเห็น ก็เลยโทรมาสัมภาษณ์ ว่าเรื่องเป็นแบบนี้ จะได้ช่วยกระจายข่าวว่ามันเป็นอย่างนี้ คิดทางกลับกัน ถ้าเพื่อนเขา แฟนเขา หรือลูกเขาที่เป็นผู้หญิงเจอแบบนี้ เขาก็คงเป็นห่วงเหมือนกัน หลายคนที่ฟังหนูเขาก็ยังเป็นห่วง บอกว่าโชคดีแล้วที่รอดมาได้" นาตาลีกล่าวสรุป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook